หลายคนที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้ น่าจะมีความคุ้นเคยและรู้จักกับ Bluebik หรือ BBIK มากันแล้วระดับนึง ไม่ว่าจะเป็นการเห็นข่าวเกี่ยวกับบริษัท อ่านบทความต่าง ๆ หนึ่งในทีมเบื้องหลังสำคัญที่ช่วยกระจายชื่อ Bluebik ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างทีม Marketing & PR ของ Bluebik วันนี้เราจะมาเล่าถึงจุดเริ่มต้นความสำเร็จก้าวแรกของทีมในการปั้นแบรนด์อย่างไรให้กลายเป็นหนึ่งใน Consulting firm ด้าน Digital Transformation อันดับต้นๆ ของประเทศ
งาน Marketing & PR ในบริษัทที่ปรึกษา ต่างจากที่อื่นยังไง?
คำว่า “Consulting” หรือ “บริการที่ปรึกษา” เป็นคำที่ไม่ง่ายนักในการอธิบายให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ว่า คอนซัลต์สำคัญอย่างไร และทำไมองค์กรธุรกิจใหญ่ ๆ ถึงต้องมีการใช้บริการที่ปรึกษาเหล่านี้มาเพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างโอกาสให้กับตัวเอง ในการให้บริการของ Bluebik คำว่า “Consulting” คือการสร้างมูลค่า (Value Creation) ให้กับลูกค้าหรือพันธมิตร โดยเน้นเรื่อง Digital Transformation เป็นหลัก เพื่อขยายโอกาสและสร้างการเติบโตของธุรกิจในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยื่นแบบครบวงจร ผ่าน 5 บริการหลัก Management Consulting, Digital Excellence & Delivery, Strategic PMO, Big Data & Advanced Analytics และ IT Staff Augmentation ทั้งหมดนี้จึงเป็นหน้าที่ของทีมในการสื่อสารออกไปยังกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไป
หนึ่งในความตั้งใจของทีมคือการทำให้คนเข้าใจในบริการของบลูบิค รวมทั้งแสดงศักยภาพและความเชี่ยวชาญของ Bluebik ในแต่ละด้านผ่านเรื่องราวบทความการอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีและการปรับตัวขององค์กรที่น่าสนใจ รวมถึงการในเสนอมุมมองวิสัยทัศน์ของผู้บริหารผ่านการสัมภาษณ์ต่าง ๆ จนทำให้หลายสื่อจับตามองและให้ความสนใจมากขึ้นเกี่ยวกับ Digital Transformation รวมทั้งการนำเสนอเรื่องราวขององค์กรผ่านสื่อ Social Media อาทิ Facebook Bluebik Group ที่มีจำนวนผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสื่อสารให้กับผู้คนภายนอกได้สนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมากขึ้น และเข้าใจในมุมมองและบริการของ Bluebik ที่จะช่วยองค์กร รวมถึงประเทศไทยในการแข่งขันกับตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ในปี 2021 ที่ผ่านมาก็มีเรื่องราวสำคัญของ Bluebik คือการ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่าน ในฐานะทีม Marketing & PR ก็สำคัญไม่แพ้กันที่จะต้องวางแผนการสื่อสารอย่างไรให้ “BBIK” เป็นที่รู้จักของนักลงทุน และเห็นถึงโอกาสในการเติบโตในอนาคต ซึ่งก็เป็นเรื่องราวที่ท้าทาย แต่ก็สามารถสำเร็จได้ด้วยดีจากการทำงานของทีมทุกคน
ความสำเร็จไม่ได้เกิดได้จากคนเดียว แต่เรามาเป็นทีม
แน่นอนว่าความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ Bluebik นี้ไม่ได้เกิดจากคน ๆ เดียว แต่มาจากการทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งแต่ละคนก็จะมีหน้าที่รับผิดชอบแตกต่างภายใต้การทำงานของทีมทั้ง 5 ฟังก์ชัน ได้แก่ หัวเรือหลักผู้กำหนดเส้นทาง (Director) เจ้าแม่มือทองผลิตคอนเทนต์สุดปัง (Content Writer) ประชาสัมพันธ์สาวสวยเสียงใส (Public Relation) เจ้าพ่อครีเอทีฟสายอาร์ต (Creative Designer) และจอมวางแผนการตลาดดิจิทัล (Marketing Strategist and Digital Marketing Specialist)
แต่ละฟังก์ชันก็เหมือนจิ๊กซอว์ที่พอรวมทุกคนแล้ว กลายเป็นภาพรวมของทีมที่ทำให้การทำงานเดินไปสู่เป้าหมาย และที่สำคัญคือทุกขาต้องเดินไปพร้อมกัน ดังนั้นเราจึงเน้นสร้างความสัมพันธ์ภายในทีม และการจัดการงานให้ทุกคนสามารถรับผิดชอบงานของตัวเองได้อย่างดี ซึ่งด้วยศักยภาพของทุกคนภายในทีม และความเชื่อใจกันจึงทำให้ผลิตผลงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอ
เคล็ดลับสร้าง Productivity ฉบับของทีม Marketing
ติ๊ด (Director): ในฐานะที่ต้องดูภาพรวมเพื่อขับเคลื่อนทีมไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่สำคัญในการบริหารงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่ใช่การสั่งงานเพื่อจะผลักดันให้งานสำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำงาน ต้องกระตุ้นให้ทีมสามารถแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่และมีความสุขกับกับทำงาน ต้องเข้าใจในข้อจำกัดและรับฟังเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา เพราะนั่นคือหน้าที่ โดยทีม Marketing & PR จะมี session บำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อประเมินความสุขของทุกคนในทีมอย่างสม่ำเสมอ และถึงแม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ทุกคนในทีม WFH แต่เรายังสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะทุกคนเข้าใจในหน้าที่และบทบาทของตนเองเป็นอย่างดี
เพลง (Content Writer): ส่วนตัวแล้ว การสร้าง Productivity มาจากการจัดลำดับงานที่ดี ซึ่งเราจะวางแผนงานรายสัปดาห์คร่าวๆ ไว้ว่าภายในหนึ่งสัปดาห์จะทำงานอะไรบ้าง ที่วางแค่คร่าวๆ เพราะบางครั้งทีมเราจะมีงานด่วน งานแทรก เลยต้องมาดูอีกทีว่าในแต่ละวันควรทำงานไหนก่อน ทีนี้ พอลงรายละเอียดรายวัน เราจะใช้วิธีทำ To Do list ว่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง สำหรับเรา Tools ที่ช่วยได้มากคือ Google Calendar ซึ่งนอกจากใช้จัดการตารางมีตติ้งต่างๆ แล้ว ยังมีฟีเจอร์ Tasks ที่ช่วยให้เราทำ To Do list แบบง่ายๆ ตั้งวันกำหนดส่ง หรือจะตั้งเวลาพร้อมกันเลยก็ได้ แล้วที่สะดวกมากๆ คือยัง sync กับ Calendar ด้วย พอตื่นนอนตอนเช้า เช็กมือถือก่อนเริ่มงาน เราก็จะเห็นการแจ้งเตือนแล้วว่าวันนี้เรามีงานอะไรที่ต้องทำบ้าง
นอกจากเอา Tools มาช่วยจัดการงาน อีกวิธีที่ได้ผลสำหรับเราคือการทำกิจกรรมหนึ่งอย่างเพื่อเปิดวันทำงาน จะเป็นอะไรก็ได้ อย่างเรา จะดื่มกาแฟตอนเช้าเพื่อกระตุ้นให้ตื่นตัว ให้ตัวเองรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องทำงานแล้วนะ
เฟิน (Public Relation): งาน PR เป็นงานที่ต้องติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นทั้งภายในและภายนอกองค์กร ดังนั้นหากต้องการให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ ต้องรู้จักการจับใจความสำคัญและสรุปประเด็น เพื่อลดความสับสนของผู้ฟัง รวมถึงต้องหมั่นกระชับความสัมพันธ์ โดยเฉพาะกับสื่อมวลชนที่จะเป็นผู้เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับองค์กรให้คนในสังคมได้รับทราบ หากคนกลุ่มนี้ ‘รัก’ องค์กรของเรา หลายครั้งก็แทบจะลืมคำว่า ‘Paid Media’ ไปได้เลย
Productivity ยังเริ่มต้นจากการจัดลำดับงานที่ดี ดังนั้นในทุกๆ เช้าจะเขียน Shortlist สิ่งที่ต้องทำโดยเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง พร้อมตั้งเป้าหมายว่าในแต่ละชิ้นงานจะใช้เวลานานเท่าใด สิ่งที่ได้รับคือเมื่อทำงานเสร็จจะ ‘รู้สึกดี’ กับตัวเอง เพราะเท่ากับได้สร้าง ‘Small Win’ ให้เกิดขึ้นแล้ว โดยอาจจะให้รางวัลตัวเองเป็นกาแฟดีๆ กลิ่นหอมๆ สักแก้ว หรือขนมอร่อยๆ สักชิ้น
เต็นท์ (Creative Designer): สำหรับการทำงานของเราจะอยู่กับงาน Visual เป็นหลัก เพราะงั้นเราต้องคอยอัพเดตสกิลและเทรนด์งานเพื่อให้เราทันต่อกระแสสังคมและกระแสโลกอยู่ตลอด และนำมาปรับใช้กับการสร้างผลงานของเรา หาสิ่งใหม่ๆ มาเติมแต่งสร้างสีสันบ้างเพื่อไม่ให้สิ่งที่เราทำกลายเป็นสิ่งน่าเบื่อ เพราะการเสพสื่อสมัยนี้ต้องการสิ่งใหม่ๆ ตื่นเต้น ตลอดเวลา
และที่สำคัญที่สุดคือการที่ได้ทีมที่คอยช่วยเหลือ สร้างบรรยากาศ ส่งเสริมให้เกิดไอเดียและความคิดสร้างสรรค์เหมาะแก่การทำคอนเทนต์
ก้อง (Marketing Strategist and Digital Marketing Specialist): ในส่วนของก้องการทำงานในฐานะนักวางแผนของเราคือการจัดลำดับความสำคัญของงาน ตาม Priority Matrix ออกเป็น 4 ส่วน เพื่อการจัดแผนงานของทีมและของตัวเองในแต่ละวัน ดังนี้
- ส่วนที่ 1 สำคัญและเร่งด่วน คืองานที่สำคัญและต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด แต่งานเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดความเครียดได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องควรลดงานในส่วนนี้ให้น้อยลง และฝึกจัดการเวลาไม่ให้มีงานส่วนนี้เข้ามามากนัก
- ส่วนที่ 2 สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน เป็นงานสำคัญที่ยังพอมีเวลาทำ ดังนั้นงานส่วนนี้จำเป็นต้องวางแผนการทำงานให้ดี มิฉะนั้นจะกลายไปเป็นงานส่วนที่ 1 ที่ทั้งสำคัญและเร่งด่วน
- ส่วนที่ 3 ไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน เช่น งานประชุมต่าง ๆ หรืองานที่ทำให้เรารู้สึกยุ่งตลอดเวลาแต่อาจจะไม่ได้สำคัญมากนัก ดังนั้นทางที่ดีคือการพิจารณาความสำคัญให้ดีว่ามีงานใดที่สำคัญกว่าหรือจำเป็นมากกว่าที่เราจะสามารถตัดงานเหล่านี้และไปทำอย่างอื่นให้ Productive มากกว่า
- ส่วนที่ 4 ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน งานส่วนนี้คือควรลดให้น้อยที่สุด หรือจัดไว้ที่ลำดับท้าย ๆ ของวัน เนื่องจากเป็นงานที่เรียกได้ว่าเสียเวลา หากใช้เวลาไปกับส่วนนี้จริง ๆ
การวางแผนการทำงานให้มี Productivity ได้ดี คือให้ในแต่ละวันเราสามารถทำงานในส่วนที่ 2 ได้มากกว่าส่วนอื่น ๆ ซึ่งพอจัดลำดับงานได้แล้ว เราก็ไปเริ่มทำ To-do list หรือ Timeboxing ต่อก็จะช่วยให้เรามีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ถึงแม้ว่าช่วงแรกอาจจะมีหลุดแผนไปบ้าง แต่ครั้งต่อ ๆ ไป เราก็สามารถปรับแผนเราให้ Solid มากขึ้นได้ และฝึกเรื่อย ๆ คุณก็จะกลายเป็นที่ Productive แบบสนุกกับการทำงานไปเลย
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด พวกเรา Marketing & PR อยากมาแชร์เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ Bluebik…
- Bluebik NOT Bluebix
หลายคนจำผิดกันเยอะมาก จริงๆ คำว่า Bluebik ของเรามีที่มานะ มาจาก Blue ocean + Rubik ใครอยากรู้ว่าสองคำนี้หมายความว่ายังไง เราขอแนะนำให้อ่านบทความก่อนหน้านี้ได้ที่ >> https://bit.ly/3CjLppl - Bluebik เกี่ยวอะไรกับ BBIK?
BBIK เป็นชื่อหุ้นของ Bluebik เราเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา
- Bluebik ทำแค่งาน Business Consulting หรือเปล่า
จริงๆ แล้วเรามีการทำงานในหลายส่วนมาก หรือที่เรียกกันว่า End-to-end และงาน Consulting เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งนอกจากทีมคอนซัลต์ เรายังมีทีม Developer ทีม Data Engineer ทีม Strategic PMO และทีม Marketing Transformation อื่นๆ ด้วย รวมคือการทำงานตั้งแต่วางแผนไปจนถึงลงมือทำได้จริง - Bluebik เป้าหมายคือ “Ambition” to “Reality”
ความมุ่งมั่นของเราคือการเป็นที่ปรึกษาที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรต่าง ๆ ผลักดันให้เป้าหมายและความมุ่งมั่น หรือ Ambition ของผู้บริหารแต่ละองค์กรให้กลายเป็นความจริง สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้จริง ผ่านการทำ Digital Transformation เพื่อปลดล็อกศักยภาพธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว
- 3 สิ่งสำคัญที่ต้องมี หากอยากร่วมงานกับ Bluebik
เพราะ “คน” คือทรัพยากรสำคัญที่สุด เราจึงมุ่งเน้นการพัฒนาคนเป็นอย่างมาก เพื่อให้มีศักยภาพและมีผลงานที่ดีเยี่ยมเสมอ ดังนั้นสิ่งที่เรามองหาสำหรับใครที่ต้องการร่วมงานกับเราควรมีสิ่งเหล่านี้ Growth Mindset พร้อมก้าวไปข้างหน้า, Teamwork ความสามารถในการทำงานเป็นทีม และ Logical Skill การจัดการระบบทางความคิดที่ดี
สำหรับทีม Marketing & PR ยังเปิดโอกาสให้คนที่สนใจงานด้าน Video Content Creator & Editor มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานไปด้วยกัน หากใครที่มีคุณสมบัติในการออกแบบแนวทางและลงมือทำคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอ พอดแคสต์ ไลฟ์สตรีมมิ่ง อย่างสร้างสรรค์ ส่ง portfolio มาท้าประลองฝีมือได้ที่ [email protected] หรือ Inbox มาหาเราทาง Facebook เพื่อพูดคุยกับ HR ได้โดยตรง ความสนุกของเราไม่ได้มีแค่นี้ สมัครแล้วมาเจอกันได้เลย !