4 ปัจจัยความสำเร็จ Digital Transformation
Digital Transformation ทางรอดธุรกิจยุคเศรษฐกิจไม่แน่นอน พลิกวิกฤตเป็นโอกาสในโลกที่เปลี่ยนเร็ว
Digital Transformation กลายเป็น buzzword ในโลกธุรกิจ ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้หลายธุรกิจต้องเร่งแสวงหาทางเอาตัวรอด หลังเผชิญวิกฤตในช่วงที่ผ่านมา และต้องหาทางรับมือความไม่แน่นอนที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นอีกในอนาคต
แต่ไม่ใช่ทุกองค์กรจะประสบความสำเร็จในการทรานส์ฟอร์ม โดยข้อมูลล่าสุดจากผลการสำรวจของนิตยสารธุรกิจ CIO ช่วงปลายปีที่แล้ว พบว่ามี 47% ของบริษัท 510 แห่ง ที่ก้าวหน้าในการทรานส์ฟอร์มองค์กร ดังนั้น หากอยากประสบความสำเร็จในการทรานส์ฟอร์ม ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับปัจจัย 4 ประการ ดังต่อไปนี้
1. ข้อมูล
องค์กรที่ล้มเหลวในการทรานส์ฟอร์มส่วนใหญ่ ยังไม่มีมาตรการหรือแนวทางการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทำให้ไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนในกรณีเลวร้ายที่สุดคือข้อมูลเหล่านั้นไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งปัญหามาจากการไม่สื่อสารกันอย่างชัดเจนระหว่างฝ่ายไอทีและฝ่ายปฏิบัติการ (FrontLine Operations) ที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง เกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลและรูปแบบข้อมูลที่ต้องจัดเก็บ
2. กระบวนการ
การยึดติดกับแนวคิดแบบลำดับชั้น โดยมองแค่หน้าที่ความรับผิดชอบเป็นส่วนๆ และขาดการมองภาพรวมแบบบูรณาการ (end-to-end) การกระทำเช่นนี้คือหายนะของการทรานส์ฟอร์มองค์กร หากต้องการประสบความสำเร็จในการทรานส์ฟอร์ม องค์กรต้องอาศัยความคิดแบบ end-to-end โดยมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อย่างไร้รอยต่อของกระบวนการทำงานขององค์กรแบบ cross-functional
3. เทคโนโลยี
น่าเศร้าที่หลายองค์กรมองการทรานส์ฟอร์มองค์กรว่าเป็นการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวและเน้นทุ่มเม็ดเงินลงในเทคโนโลยีที่มีกระแสมาแรง โดยปราศจากการศึกษาและความเข้าใจเทคโนโลยีนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น IoT บล็อกเชน Data Lake จนถึงปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงไม่ได้พิจารณาว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเหมาะกับองค์กรของตัวเองหรือไม่ ดังนั้น ก่อนจะเลือกลงทุนในเทคโนโลยี องค์กรควรประเมินธุรกิจของตัวเอง วางกลยุทธ์ให้รอบคอบ ตั้งเป้าหมายที่ต้องการไปถึงเสียก่อน แล้วค่อยเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาปรับใช้
4. ความสามารถในการรับมือความเปลี่ยนแปลง
หัวใจสำคัญของการทรานส์ฟอร์มต้องเริ่มจากตัวบุคลากรในองค์กรที่พร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลง หมายความว่าต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ยืดหยุ่น เปิดกว้าง พร้อมปรับตัวได้ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรเช่นนี้คือต้องมีการสื่อสารภายในองค์กรที่ชัดเจนกับพนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้เข้าใจภาพเดียวกัน และตระหนักถึงเป้าหมายที่องค์กรต้องไปให้ถึง
แม้องค์กรส่วนใหญ่จะตระหนักดีถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล แต่การเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยมากกว่าความตั้งใจ ปัจจัยทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมา—ข้อมูล, กระบวนการ, เทคโนโลยี และความสามารถในการรับมือการเปลี่ยนแปลง—ไม่ได้แยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่ต้องทำงานสอดประสานกันอย่างเป็นระบบ ข้อมูลต้องถูกจัดเก็บอย่างมีคุณภาพเพื่อสนับสนุนกระบวนการตัดสินใจ กระบวนการภายในต้องถูกออกแบบให้ยืดหยุ่นและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีได้จริง ขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่นำมาใช้ต้องเหมาะสมกับความสามารถของบุคลากรในองค์กร และวัฒนธรรมองค์กรต้องเปิดรับต่อสิ่งใหม่เสมอ
ในความเป็นจริง การทรานสฟอร์มที่ล้มเหลวส่วนใหญ่มักไม่ได้ล้มเพราะเทคโนโลยี แต่ล้มเพราะความไม่พร้อมของ “คน” หรือโครงสร้างภายในองค์กรที่ยังคงยึดติดกับระบบเก่า ด้วยเหตุนี้การวางกลยุทธ์ Digital Transformation ที่ดีจึงควรมองอย่างครอบคลุมแบบ End-to-End ตั้งแต่การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงการวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรสามารถทรานสฟอร์มได้อย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้จริงในโลกธุรกิจยุคใหม่
แล้วจะทำ Digital Transformation อย่างไร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ?
เชื่อว่าสำหรับองค์กรส่วนใหญ่แล้ว การทรานส์ฟอร์มไม่ใช่เรื่องง่าย
Bluebik Group บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการนวัตกรรม จึงขอนำเสนอแนวทางทรานส์ฟอร์มองค์กรแบบครบวงจรของเรา (End-to-End) เพื่อสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจในยุคดิจิทัล
Bluebik มีบริการครอบคลุมกระบวนการจากต้นจนจบ ตั้งแต่
- Management Consulting
ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ - Digital Excellence & Delivery
ที่ปรึกษาเชิงลึกด้าน Digital ครบวงจร - Strategic PMO
ที่ปรึกษาการบริหารจัดการโครงการเชิงกลยุทธ์ - Big Data and Advance Analytics
ปรึกษาด้านการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง
เป้าหมายของ Bluebik
เพื่อร่วมเป็นที่ปรึกษาที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรต่าง ๆ ให้เข้าถึงการทรานส์ฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งขยายผลทางธุรกิจให้เกิดความก้าวหน้าและผลกำไร ดังคำตั้งใจที่ว่า “Ambition” to “Reality” เพื่อผลักดันให้เราสามารถที่จะช่วยวางกลยุทธ์และขับเคลื่อนการขยายตัวขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและยั่งยืน
Bluebik น่าสนใจอย่างไร
แม้ Bluebik เป็นจะคำปรึกษากับองค์กรขนาดใหญ่ค่อนข้างมากเป็นส่วนใหญ่ และต้องพบเจอกับผู้ใหญ่ในแต่ละอุตสาหกรรมบ่อยครั้ง แต่องค์กรของเรานั้นขับเคลื่อนด้วยคนรุ่นใหม่ที่เป็นไปด้วย Passion และความสามารถ จึงทำให้ Bluebik เป็นอีกองค์กรหนึ่งเลยที่ไม่น่าเบื่อ อีกทั้งเรายังมีทีมงานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิที่เคยมีประสบการณ์ในการเป็นผู้บริหารระดับสูงสุด ในองค์กรชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้เราสามารถที่จะให้คำปรึกษากับลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างเหมาะสม ทำให้ Bluebik มีความพร้อมทั้งคนภายในและคุณภาพของงานที่จะส่งออกไป
Bluebik กลายเป็นอีกหนึ่งในองค์กรที่หลายธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เร่มให้ความสนใจด้วยคุณภาพงานที่ส่งมอบและเห็นผลได้จริง และภายในองค์กรเองที่มีความสนุกสนานไปพร้อมกัน จึงทำให้เราสามารถเข้าถึงได้ทั้งลูกค้าและเพื่อนพนักงานอย่างเหนียวแน่น
ในโลกที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา การปรับตัวอย่างรวดเร็วและแม่นยำกลายเป็นหัวใจสำคัญของความอยู่รอดและการเติบโต Bluebik Group บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านกลยุทธ์และ Digital Transformation พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์สำคัญที่ช่วยองค์กรขับเคลื่อนสู่อนาคต ด้วยบริการที่ครอบคลุมทั้งการวางกลยุทธ์เชิงลึก การออกแบบและพัฒนาโซลูชันดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้วย Big Data & Artificial Intelligence รวมถึงการบริหารจัดการโครงการ (Project Management) ที่เน้นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
Bluebik มีจุดแข็งในเรื่องของการผสานความเข้าใจธุรกิจเข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการปรับใช้ระบบ ERP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร การวางแผนกลยุทธ์ด้าน Supply Chain Management ให้ตอบโจทย์การผลิตและกระจายสินค้าในยุคที่ทุกวินาทีมีค่า หรือการออกแบบประสบการณ์ลูกค้าผ่าน Digital Platform ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ทุกบริการล้วนดำเนินการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จริงในหลากหลายอุตสาหกรรม พร้อมร่วมคิด วางแผน และลงมือทำไปกับองค์กรทุกขั้นตอน เพื่อเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจอย่างยั่งยืน