จาก “ผู้พัฒนาระบบ” สู่ “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์”
เพราะการเลือก Vendor ผิดเพียงครั้งเดียว อาจเป็นจุดเริ่มต้นความล้มเหลวของการทรานส์ฟอร์มองค์กร

วันนี้ไม่ว่าองค์กรใหญ่แค่ไหนก็ไม่อาจหลีกหนีความเสี่ยงจากการถูกดิสรัป หากไม่สามารถปรับตัวให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจและเทคโนโลยี การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) จึงไม่ใช่ “ตัวเลือก” แต่คือ พันธกิจเชิงกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้
ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจและการแข่งขัน ที่บังคับให้องค์กรต้องเติบโตอย่างรวดเร็ว สร้างความได้เปรียบให้เหนือกว่าคู่แข่ง และลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง การเลือก Tech Vendor ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่กำหนดทิศทางโครงการ Digital Initiatives ว่าจะสำเร็จ หรือสะดุดล้มกลางทาง
ทำไมหลายโครงการดิจิทัลถึงไปไม่ถึงเป้าหมาย?
ข้อมูลจาก Gartner (2025) ระบุว่า มีเพียง 48% ของโครงการ Digital Initiatives ที่บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้จริง สาเหตุหลักมาจาก กลยุทธ์ธุรกิจกับเทคโนโลยีไม่สอดคล้องกัน (Business–IT Misalignment) การติดอยู่ใน “Pilot Trap” ที่สำเร็จเพียงโครงการเล็กแต่ไม่สามารถขยายผลได้ การละเลยเรื่องการบริหารการเปลี่ยนแปลงองค์กร และการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบ (Change Management และ Compliance) รวมถึงการบริหารต้นทุนไม่มีประสิทธิภาพ
บลูบิค ชี้ว่าความเสี่ยงนี้จะยิ่งทวีคูณ หากองค์กรเลือก Tech Vendor ที่ไม่เข้าใจธุรกิจและไม่สามารถเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ได้จริง ผลที่ตามมา คือ ระบบที่ใช้งานได้เพียงบางส่วน งบประมาณบานปลาย และผลตอบแทนจากการลงทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริง ด้วยเหตุนี้การเลือก Vendor ที่ “ใช่” จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่กำหนดทิศทางว่าการลงทุนด้านดิจิทัลจะสร้าง “มูลค่าอนาคต” หรือกลายเป็น “ต้นทุนจม”
5 ปัจจัยเชิงกลยุทธ์ที่องค์กรต้องพิจารณา
“การกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก อาจทำให้องค์กรต้องจ่ายแพงกว่าที่คิดในระยะยาว” ดังนั้น องค์กรควรปรับมุมมองที่มีต่อ Tech Vendor จากผู้ให้บริการระบบ เป็น “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์” ผ่าน 5 ปัจจัย ดังต่อไปนี้

1️⃣ Strategic Alignment – Vendor ต้องเข้าใจทั้งกลยุทธ์ธุรกิจและเทคโนโลยี
- ตอบโจทย์ความต้องการด้านเทคนิคสอดรับกับ Roadmap ขององค์กร เช่น หากองค์กรกำลังเดินหน้าสู่ AI, Automation หรือ Cloud-First ระบบที่เลือกต้องรองรับทิศทางนั้นได้จริง เป็นต้น
- ใช้ Proof of Concept (PoC) หรือ Pilot Project ตรวจสอบการใช้งานในสภาพแวดล้อมจริง
- ประเมินขีดความสามารถในการเชื่อมต่อระบบใหม่กับระบบเดิมและศักยภาพการรองรับเทคโนโลยีในอนาคตของ Vendor
2️⃣ Cost & Contract Analysis – คิดให้ครบทุกต้นทุน ไม่ใช่แค่ราคาที่เห็น
- “ถูกวันนี้ อาจแพงวันหน้า” ถ้าคิดแค่ค่าสิทธิการใช้งาน (License) หรือ ค่าบริการแบบรายงวด (Subscription) แต่มองข้ามค่าใช้จ่ายอื่นหรือ TCO (Total Cost of Ownership)
- สิ่งที่ต้องรวมในการคำนวณต้นทุนจริง ได้แก่:
- Implementation & Integration: ค่าติดตั้ง การย้ายข้อมูล และเชื่อมต่อกับระบบเดิม
- Training และ Change Management: ค่าอบรมทีมงาน และต้นทุนการจัดการความเปลี่ยนแปลง
- Maintenance & Support: ค่าบำรุงรักษาและอัปเกรดระบบระยะยาว
- Hidden Costs: ต้นทุนจากการหยุดชะงักของระบบ (Downtime Cost) ต้นทุนจากการยุติการใช้งาน (Exit Cost) หรือค่า ต้นทุนหากต้องการเปลี่ยนผู้ให้บริการ (Switching Vendor Cost)
- Opportunity Costs: ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ หาก Vendor ไม่สามารถส่งมอบงานตามที่ตกลงหรือเกิดข้อผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานตามแผนการได้
3️⃣ Risk & Compliance Management – ลดความเสี่ยงพร้อมเดินตามปฏิบัติตามกฎหมาย
- Vendor ต้องมีมาตรการจัดการความเสี่ยงที่รัดกุม ครอบคลุมทั้งด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity), ความโปร่งใสของข้อมูล (Data Governance) และการปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง (Compliance)
- ตรวจสอบและรองรับเทคโนโลยีอนาคต อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) Blockchain และ Cloud Computing) เพื่อลดความเสี่ยง Data Lock-in และการปฏิบัติตามกฎหมายในอนาคต
- ประเมินความสามารถในการ Scalability ว่ารองรับการขยายธุรกิจได้โดยไม่ต้องลงทุนซ้ำ
4️⃣ Negotiation for Partnership – เจรจาเพื่อหาพันธมิตร ไม่ใช่ลดราคา
- การเจรจาไม่ควรหยุดที่การ “กดราคา” แต่ต้องสร้าง Win-Win Partnership
- กำหนด KPIs & Penalties ให้ Vendor รับผิดชอบผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่ส่งมอบงาน
- มอบสิทธิพิเศษ (Incentives) หรือโบนัส (Bonus) สำหรับ Vendor ที่ทำงานสำเร็จเร็วกว่ากำหนด เพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน
5️⃣ Long-term Relationship Building – เลือกพันธมิตรที่พร้อมเติบโตไปด้วยกัน
- Vendor ที่ดีไม่ใช่แค่ติดตั้งระบบแล้วจบ แต่ต้องช่วยองค์กรคิดและออกแบบ Technology Roadmap ใน 3–5 ปีข้างหน้าได้
- สร้าง Strategic Partnership ที่พัฒนาไปพร้อมกัน
- ทำให้องค์กรมั่นใจว่าจะ “ไม่ตกขบวน” และพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในอนาคต
🔧 ถ้าเลือกผิดไปแล้วทำอย่างไร?
การเลือก Tech Vendor ผิดอาจทำให้องค์กรเผชิญกับปัญหามากกว่าที่คิด ยกตัวอย่างเช่น ระบบไม่เสถียร งบโครงการบานปลาย หรือสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม…ยังไม่สายเกินไปที่จะรีเซ็ตเกมและพลิกสถานการณ์กลับมาอยู่แนวทางที่ถูกต้อง หากมีการวางกลยุทธ์ที่สามารถกู้สถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

1️⃣ Re-Negotiate Contract – เจรจาใหม่เพื่อสร้างสมดุล
- หากพบว่าสัญญาปัจจุบันผูกมัดองค์กรเกินไป ควรเริ่มต้นที่การเจรจาเพิ่ม Service Level Agreement หรือ SLA ที่รัดกุม เช่น กำหนดเวลาตอบสนองที่ชัดเจน และเพิ่ม Exit Clause ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดล็อกกับ Vendor เดิมในระยะยาว
2️⃣ Multi-Vendor Strategy – กระจายความเสี่ยง ไม่ผูกกับ Vendor รายเดียว
- การวางกลยุทธ์ Multi-Vendor Strategy สำหรับระบบที่เป็นแกนหลักของธุรกิจ (Core Business) อาทิ Cloud หรือ ERP เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความยืดหยุ่นให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปโดยไม่หยุดชะงักหากระบบของรายใดรายหนึ่งเกิดปัญหา
3️⃣ Independent Consultant – มุมมองเป็นกลาง
- การใช้ที่ปรึกษาอิสระจะช่วยให้องค์กรมองเห็นภาพรวมอย่างเป็นกลาง ปราศจากอคติ และเปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาหรือเลือกแนวทางใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจมากกว่าเดิม
4️⃣ Internal Capability Building – สร้างทีมในองค์กรที่แข็งแรงขึ้น
- องค์กรควรลงทุนในการพัฒนาทักษะทีมงานภายในองค์กร ครอบคลุมทั้งด้านเทคนิคและความสามารถในการตรวจสอบและบริหารจัดการ Vendor ด้วยการใช้เครื่องมืออย่าง Performance Dashboard หรือ Service Management Tools ทำให้ทีมสามารถควบคุมคุณภาพและผลลัพธ์ของโครงการได้ด้วยตัวเอง
ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Tech Vendor

การเลือก Tech Vendor ไม่ใช่การ “หาผู้ติดตั้งระบบที่ถูกที่สุด” แต่คือการเลือก พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สามารถเดินไปกับองค์กรในระยะยาว
ต้นทุนที่แท้จริงจึงไม่ได้อยู่ที่ราคาวันแรก แต่อยู่ที่ศักยภาพในการพาธุรกิจบรรลุเป้าหมายในอนาคต หากเลือกถูกตั้งแต่ต้น การลงทุนจะสร้าง “Return on Future” ที่คุ้มค่าที่สุด แต่ถ้าเลือกผิด สิ่งสำคัญ คือ การรู้จักปรับกลยุทธ์ แก้สัญญาและเสริมทีมภายใน เพื่อให้องค์กรยังเดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคง
บลูบิค: พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อความสำเร็จของการทรานส์ฟอร์มองค์กร
การเลือก Vendor ที่ “ใช่” เปรียบได้กับการเปิดประตูสู่ความสำเร็จบานแรก แต่การมี Strategic PMO ที่แข็งแรง คือ กลไกสำคัญที่จะพาโครงการไปถึงเป้าหมาย บลูบิค พร้อมเป็นพันธมิตรในทุกก้าวของการทรานส์ฟอร์มธุรกิจของคุณ
สำหรับองค์กรที่สนใจสามารถ
📩 ติดต่อ บลูบิค ได้ที่
☎ 02-636-7011
📌 Reference
- Gartner (2025): Only 48% of Digital Initiatives Achieve Success — Tech Monitor
———————————————–