“บอม ณัชพล” กับความท้าทายสุดเข้มข้น จากสายเขียนโค้ดสู่ Senior System Analyst แห่ง Bluebik

ใช้ความรู้สายเทคฯ ต่อจิ๊กซอว์ประสบการณ์ให้สมบูรณ์กับ “บอม-ณัชพล” แห่งทีม DX

31 ตุลาคม 2568

By Bluebik

3 Mins Read

ในจังหวะที่หลายคนอาจเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เรายังอยากอยู่ในสายงานเดิมไปอีกนานแค่ไหน?” บอม-ณัชพล หาญอวยพรเลิศ เลือกที่จะก้าวออกจากพื้นที่ที่คุ้นเคย เพื่อเริ่มต้นเส้นทางใหม่ของชีวิตการทำงานในบทบาทที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง  

จาก Senior Full Stack Developer ผู้เชี่ยวชาญทั้งงาน Frontend และ Backend ในวันนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่ง Senior System Analyst ที่ไม่เพียงแต่ต้องอาศัยทักษะและความเข้าใจด้านเทคนิค แต่ยังต้องอาศัย Soft Skill เข้ามาร่วมด้วย โดยเฉพาะทักษะในการสื่อสารและการบริหารจัดการ เรียกได้ว่าการย้ายสายงานมาสู่ตำแหน่งนี้ทำให้เขาได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดไปกับความท้าทายสุดเข้มข้น ซึ่งเขาเองเชื่อมั่นว่าคุ้มค่า 

ตลอด 7 เดือนแรกในบทบาท Senior System Analyst บอมพบว่าเป็นเวลาที่หนักหน่วงไม่น้อย แต่เขามองว่าตัวเองกำลังอยู่ถูกที่ถูกเวลา กับการทุ่มเทแรงพลังในการเคี่ยวกรำทักษะและความรู้รูปแบบใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือสิ่งไม่สามารถเรียนรู้ได้จากที่ไหนๆ นอกจากการได้ลงสนามทำงานจริงเท่านั้น 

และเมื่อมองหาพื้นที่ที่จะได้เติบโตในสายงานใหม่ คำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเขาก็คือ Bluebik ซึ่งอยู่ในความสนใจของคนสายเทคฯ มาช้านาน และเต็มไปด้วยคนที่พร้อมจะสนับสนุนกันและกันให้เติบโต ดังนั้น Bluebik จึงไม่ใช่เพียง ‘ที่ทำงานใหม่’ ของบอม แต่ยังเป็นสนามแห่งการเรียนรู้ ที่มีทั้งพี่ๆ และน้องๆ ในทีมซึ่งพร้อมจะรับฟังและลุยไปด้วยกันเสมอ 

จาก Developer ที่เคยอยู่กับจอคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ สู่ System Analyst (SA) ที่ต้องออกไปพูดคุยกับลูกค้า บอมกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า ‘การเปลี่ยนสายงาน’ ไม่ได้หมายถึงการเริ่มจากศูนย์เสมอไป เพราะเราสามารถต่อยอดจากประสบการณ์และทักษะเดิมที่เคยมี เพื่อสร้างมุมมองใหม่ที่กว้างขึ้น และปฏิเสธไม่ได้ว่า Bluebik ก็คือเวทีที่เปิดโอกาสให้เขาได้เติบโตในเส้นทางใหม่นี้อย่างเต็มศักยภาพ 

การย้ายสายงานในวัย 30 ที่ความเชี่ยวชาญด้าน Dev กลายเป็นข้อได้เปรียบในงาน SA 

“ก่อนมาทำที่ Bluebik ผมเป็น Senior Full Stack Developer ที่ซอฟต์แวร์เฮาส์แห่งหนึ่งครับ ตอนนี้ก็เป็น Senior System Analyst อยู่ที่ Bluebik ซึ่งงาน SA หลักๆ เลยเราก็ต้องทำหน้าที่รับ Requirement จากลูกค้ามาทำ API Spec แล้วก็ส่งให้ทางทีม Developer ของเราต่อ เพื่อให้เกิดการ Implement จริง แล้วก็ส่งมอบงานตาม Criteria ที่วางกันไว้ พูดง่ายๆ ก็เหมือนเป็นคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างลูกค้ากับทีมงานอีกทีครับ” 

“การที่ผมเคยทำทั้ง Frontend และ Backend มาก่อนถือเป็นข้อได้เปรียบมากๆ เพราะตำแหน่ง SA ของ Bluebik เรายืนอยู่ในฐานะที่ต้องคอนซัลต์ให้กับลูกค้า แล้วคำว่าคอนซัลต์ของ SA เนี่ย ลูกค้าก็จะคาดหวังว่าเราต้องมีความรู้ด้านเทคนิค แล้วเราต้องเชื่อถือได้ โซลูชันที่เรามอบให้กับลูกค้าต้องใช้ได้จริง ฟังแล้ว Make Sense ดังนั้นคนที่เคยทำ Frontend หรือ Backend มาก่อน จะมองเห็นว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการนั้นทำได้จริงหรือเปล่า ใช้เวลามากน้อยแค่ไหน แล้วโซลูชันไหนเป็นโซลูชันที่เหมาะที่สุดที่จะนำเสนอให้กับลูกค้า” 

“ที่อยากเปลี่ยนสายงานเป็นเพราะความอยากลองล้วนๆ เลยครับ จากพื้นฐานที่เรามีความรู้ด้านโค้ดดิ้งมาพอประมาณ ผมก็อยากขยับตัวออกจากสายงานด้านการเขียนโค้ดเพื่อมาเติบโตในฝั่งธุรกิจให้มากขึ้น แล้วก็คุยกับคนให้เยอะขึ้น อยากให้เนื้องานที่ทำมันฉีกออกจากรูปแบบเดิมครับ” 

“สมัยนี้ผมว่าตัวเลขอายุไม่ใช่มาตรวัดอะไรเลยในเรื่องของการเปลี่ยนงาน ขอแค่เรารู้ว่าเราสามารถทำงานนั้นได้จริง ผมคิดว่าหลายๆ บริษัทก็ค่อนข้างเปิดรับกับตัวเลขอายุนะครับ Bluebik เองก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน”  

“ผมว่าในวัย 30 ต้นๆ มันเป็นวัยที่เรายังมีแรงและมีเวลาในการทุ่มเทให้กับงานครับ ผมมองว่า เมื่อผมทำงานให้เต็มที่แล้ว สักวันหนึ่งมันก็จะย้อนกลับมาส่งเสริมตัวเรา ทั้งเรื่องของรายได้ ความมั่นคงในหน้าที่การงาน รวมถึงความรู้ที่เราได้รับ ดังนั้นผมเลยคิดว่าช่วงนี้มีแรงเท่าไหร่ เราก็จะทำให้เต็มที่ครับ” 

ทำไมต้อง Bluebik? 

“ที่เลือกมาเปลี่ยนสายงานที่ Bluebik หนึ่งเลยก็คือชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของที่นี่ครับ Bluebik ค่อนข้างเป็น Destination ต้นๆ เลยในการหางานสำหรับตำแหน่งเทคฯ แล้วผมรู้สึกว่าบุคลากรข้างในของ Bluebik เองก็มีคุณภาพและพร้อมที่จะซัปพอร์ตคนทำงาน แล้วก็ให้โอกาสคนทำงานได้โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่” 

“อีกส่วนที่ผมสนใจคือ Vision ขององค์กร ผมเห็นว่า Bluebik มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา อย่างในโลกเทคโนโลยีมันจะมีองค์ความรู้และเทรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเสมอ ซึ่ง Bluebik ก็จะ Catch Up ตัวเทรนด์เหล่านั้นเสมอ แล้วเอามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ผมว่าที่นี่เป็นองค์กรที่ปรับตัวอยู่ตลอดเวลาครับ” 

“ด้วยความที่ผมมาจากสายเทคฯ พอมาทำที่นี่ ผมก็คาดหวังให้ตัวเองสามารถเป็น SA ที่ดีได้มากขึ้น สามารถดีไซน์ระบบที่ดีมากขึ้น ส่งงานให้ลูกค้าอย่างมีคุณภาพมากขึ้นไปอีก แล้วเส้นทางต่อไปข้างหน้า นอกจาก SA แล้วเราก็ยังมี Role อื่นที่ยังสามารถขยับไปได้อีกเยอะ อย่างบางคนถึงจุดหนึ่งแล้วอยากเปลี่ยนไปทำ Role อื่น คิดว่าก็สามารถทำได้ สมมติเป็นคนที่อยากไปสายเทคนิคัลต่อ ก็จะมี Role ที่รออยู่อย่าง Software Architect หรือ Solution Architect ฯลฯ หรือถ้าใครอยากโตไปในสาย Management เลยก็ทำได้ เส้นทางข้างหน้ามันค่อนข้างขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา สำหรับที่นี่ พี่ๆ ไดเรกเตอร์ไม่ได้ปิดกั้นอะไรเลยครับ”   

K.Bomb1

สิ่งที่ต้องพบเจอ เมื่อคุณเปลี่ยนสายงาน! 

“ในการทำงาน SA อย่างแรกเลยเราก็ยังคงหนีไม่พ้นทักษะด้านเทคนิค อาจจะหนักไปที่ความรู้ด้าน Backend เป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือก็จะเป็นเรื่องของ Frontend หรือ UX-UI นอกจากนั้นก็จะเจาะไปด้านที่แต่ละคนถนัดหรือสนใจ อย่างผมก็จะเป็นเรื่องของ Software Design, Cloud แล้วก็ AI คือพอขยับมาเป็น SA เราอาจจะไม่ได้คลุกคลีกับการ Implement ชิ้นงานต่อชิ้นงานอีกแล้ว แต่จะได้จับงานในการดีไซน์ภาพรวมมากขึ้น ดังนั้นเรื่องของระบบต่างๆ อย่างเช่น Architech ของ Cloud ก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้”  

“ส่วนอีกหนึ่งทักษะที่ต้องมีเลยก็คือ Soft Skill มันเป็นสิ่งที่เราหลบไม่ได้เลยในการเป็น SA ซึ่ง 7 เดือนที่ทำงานมา ถือว่าท้าทายความสามารถขั้นสุด ท้าทายมากกว่าที่คิดจริงๆ  เพราะส่วนหนึ่งเลยต้องยอมรับว่าผมมาจากสายเทคฯ มันก็จะมีความก้ำๆ กึ่งๆ ในทักษะการคุยกับคนหรือการใช้วาทศิลป์ ซึ่งมันก็ต้องอาศัยการฝึกประมาณหนึ่ง แล้วอีกส่วนหนึ่งที่เราต้องฝึกเพิ่มไปด้วยก็คือทักษะในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการคนในทีม จัดการลูกค้า ดังนั้น 7 เดือนที่ผ่านมาเลยเป็นช่วงที่ผมต้องทำการบ้านเยอะประมาณหนึ่งครับ” 

“ในการทำงานส่วนใหญ่ ผมจะเลือกทำแบบ Agile เราจะส่งต่องานกันในแต่ละภาคส่วน แล้วเมื่อได้รับฟีดแบ็กมาก็กลับมาแก้ไขโดยจะวนลูปไปเรื่อยๆ ซึ่งตลอดทั้งกระบวนการ การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะในการทำงานแบบ Agile เราต้องให้น้ำหนักกับการ Fast Know, Fast Fix เมื่อยูสเซอร์ได้ลองเทสต์แล้วอยากเปลี่ยนอะไร เราก็ต้องรีบสื่อสารทันทีว่าเขาอยากเปลี่ยนเพราะอะไร ซึ่งในการเจรจากันมันต้องอาศัยศิลปะในการพูดคุย บางทีสิ่งที่ลูกค้าต้องการอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของเรา หรือเขามีสิ่งที่ต้องการเพิ่มเติมระหว่างทาง มันก็ต้องหาจุดกึ่งกลางที่แมตช์กัน ซึ่งทำจริงก็ค่อนข้างยากเหมือนกันครับ” 

“ต้องบอกว่ามันเป็น 7 เดือนที่ผมได้เติบโตขึ้นมากๆ สิ่งที่เห็นได้เลยว่าตัวเองเปลี่ยนไปก็เช่นลักษณะการวางตัว การพูด การบริหารจัดการคนในทีมที่เหมาะสมกับแต่ละบริบท ดังนั้น ถึงมันจะหนักแต่ผมว่ามันคุ้มค่าแน่นอน เพราะทักษะหนึ่งเลยที่ได้จากการทำ SA ก็คือการเสริม Soft Skill ซึ่งผมว่ามันเป็นสิ่งที่ยังไงก็คุ้มค่ากับการลงทุน” 

ความเป็นทีมที่พร้อมผลักดันให้น้องลุยไปข้างหน้าและมีพี่คอยเป็นเบาะรออยู่ข้างหลัง 

“ผมกล้าพูดเลยว่าทีม SA ของ Bluebik เป็นทีมที่ได้รับความไว้วางใจสูง เราเป็นมนุษย์ที่วันจันทร์ต้องคุยภาษาคน วันอังคารต้องคุยภาษา Developer ซึ่งผมว่าเราทำได้ค่อนข้างดี และจากการได้ทำงานมา มันค่อนข้างที่จะชัดว่าทุกฝ่ายไว้ใจเรา ไม่ว่าจะเป็นทีม Internal หรือ External”  

“ผมว่าเราค่อนข้างโชคดีที่ SA ในทีมค่อนข้างมีใจสู้เหมือนๆ กัน แล้วก็มีความเข้าอกเข้าใจกันประมาณหนึ่ง ที่นี่เราจะมีการเชียร์อัปกัน มีการ Set Goal และ Set Passion ให้เห็นปลายทางร่วมกัน ให้เขามีแรงจูงใจในการสู้งาน เพราะรู้ว่าในอนาคตมีอะไรที่รอพวกเราอยู่” 

“และถ้าจะบอกว่าเพราะเราผ่านงานยากๆ มาด้วยกันเลยยิ่งทำให้สนิทกันมันก็ไม่เกินจริงนะครับ บางทีการผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกันก็ทำให้เราสนิทกันได้ง่ายขึ้น นอกเหนือไปจากนั้นก็อยู่ที่ไวบ์ของแต่ละคน อย่างผมเองก็มักจะไปแฮงค์เอาท์กับคนในทีมเป็นส่วนใหญ่ ผมว่ามันเป็นหนทางที่ง่ายที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์ในทีม ไปๆ มาๆ ตอนนี้มาทำงานก็เหมือนมาเจอเพื่อนเลยครับ” 

“การที่เรายิ่งสนิทกันมันยิ่งส่งผลดีต่อการทำงานครับ เวลามีบางอย่างที่ปกติเขาอาจจะไม่กล้าพูด กลับกลายเป็นว่าเขาสามารถวิ่งมาพูดกับเราตรงๆ ได้เลย ซึ่งส่วนนี้มันช่วยลดปัญหาในทีมได้เยอะมาก” 

“ถ้าถามว่าผมเป็นรุ่นพี่สไตล์ไหน ถ้าเปรียบเป็นทหาร ผมก็จะให้ปืนกระบอกหนึ่งกับน้องแล้วให้น้องไปลงสนามเองเลย แล้วสิ่งที่ผมทำคือผมจะรอเย็บแผลให้น้องอยู่ข้างหลัง เพราะสำหรับผมแล้ว การที่เขาได้ไปเจอสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ ให้เขาไปผ่านมันมาก่อน แล้วมีเราคอยหนุนหลัง อย่างน้อยเขาก็ได้ลองทำโดยที่รู้สึกว่ายังมีฟูกให้ล้มลงมาได้ เวลาตัดสินใจให้เขารับผิดชอบงาน แล้วสมมติมีความผิดพลาดขึ้นมา คนแรกที่ต้องรับผิดชอบก็คือตัวเราไม่ใช่น้อง” 

“การมีรุ่นพี่ที่คอยซัปพอร์ตกันอยู่ข้างหลัง สำหรับผมแล้ว สั้นๆ เลย มันคือความอุ่นใจครับ เวลาทำงานแล้วเรารู้สึกว่าเรากล้าที่จะล้มได้ ขอแค่เราทำให้เต็มที่ จะพังก็ไม่เป็นไร เพราะมีคนที่อยู่ข้างหลังเขาพร้อมจะช่วยเราเสมอ  ซึ่งผมก็ได้รับแนวคิดนี้มาจากหัวหน้าผมอีกทีนะครับ ที่เขา Manage เราแบบนี้ แล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ค่อนข้างเห็นผล ทุกอย่างให้ยึดคนเป็นหลัก ทีมดี คนดี ทุกอย่างก็จะออกมาดีครับ” 

Beyond Standards: ความสำเร็จไม่ใช่แค่ 100 แต่คือ 110 

“สำหรับผม คำว่างานสำเร็จคือเราทำได้มากกว่า Expectation ที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่แรกครับ ถ้าเราตั้งเป้าไว้ที่ 100 แล้วเราทำได้ 110 อันนี้ถือว่าสำเร็จสำหรับผม” บอมทิ้งท้ายไว้กับเราเมื่อถามถึงมาตรวัดความสำเร็จในแต่ละโปรเจกต์ 

จากการพูดคุยกันมาตั้งแต่ต้นถึงบทบาทหน้าที่ใหม่และการย้ายสายงานของบอม จุดหนึ่งที่เด่นชัดคือเขาให้ความสำคัญกับการทำงานให้ได้ ‘เหนือกว่ามาตรฐาน’ และนี่ก็เป็นสิ่งที่ ปิง-ศรีพงษ์ ธนวงศ์จินดา Director of DX (Digital Excellence and Delivery) มองเห็นในตัวบอมเช่นกัน อย่างที่เขาบอกเล่าเอาไว้ว่า 

ปิง-ศรีพงษ์ ธนวงศ์จินดา Director of DX (Digital Excellence and Delivery) 

“ผมเคยบอกน้องไว้ว่า สำหรับ SA เนี่ย ถ้าทำ Spec ดีๆ ด้วยวิวัฒนาการของ AI Coding เนี่ย ในอนาคตอันใกล้น่าจะสามารถแปลงมันเป็น Code ได้ทันทีเลยนะ ดังนั้นปีหน้าเราน่าจะทำ Spec จาก SA ให้มันเนียนขึ้น ให้พร้อมเป็น Code ได้เลย ทีนี้ที่ประทับใจน้องบอมก็คือ น้องได้กลับไปดู ไปเรียนรู้ว่ามันทำยังไงได้บ้าง ไปลงคอร์สเพิ่มเติม แล้วลองทำมาให้ผมดู เขาบอกว่าไปทำมานอกเวลางาน พอผมดูมันก็ใช้ได้แฮะ ผมชอบที่เขาไปเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่เราจะไปข้างหน้า”  

“เท่านั้นไม่พอ เขายังบอกว่างั้นพี่ไม่ต้องเริ่มปีหน้าหรอก เราเริ่มเลยได้มั้ย เขาก็เลยขอโปรเจกต์มาลองทำอันนึง ปรากฏว่าที่ทำมาใน 2 เดือนที่ผ่านมา มันจะมี 2 Spec ที่ออกมาจาก SA แล้วแทบไม่ต้องแก้ Code เท่าไหร่เลยหลังการ Review แล้ว จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 4-5 วัน กลายเป็นเสร็จได้ใน 2 วัน นั่นหมายถึงว่าเราลดระยะเวลาได้ครึ่งหนึ่ง และทำให้เรามีเวลามา Improve วิธีการทำงานมากขึ้น ซึ่งทำให้เราประทับใจในการทำงานของเขามากครับ” 

นี่คือมุมมองส่วนหนึ่งจากคนเป็นไดเรกเตอร์ที่ได้ทำงานร่วมกับบอมมาโดยตรง และทำให้เห็นว่า ทั้งบอมและปิงต่างก็เชื่อในการทำงานที่ ‘Beyond Standards’ เพราะสำหรับที่ Bluebik แล้ว นี่คือหนึ่งในคุณลักษณะสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง คนทำงานเองก็สามารถเติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคงและงดงาม 

ฟังมาถึงตรงนี้หากสนใจสายงาน System Analyst ที่ Bluebik สามารถสมัครเข้ามากันได้ที่ https://bluebik.com/th/job/ 

31 ตุลาคม 2568

By Bluebik