Smart Cyborg สูตรการใช้ AI เพื่อเพิ่มความได้เปรียบ พร้อมหลักคิดสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ

ในยุคที่ AI เข้าถึงได้ในวงกว้าง แล้วธุรกิจจะทำอย่างไรให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ได้สูงสุด?
คำตอบจาก คุณพชร อารยะการกุล CEO บลูบิค กรุ๊ป ก็คือการเป็น ‘Smart Cyborg’ หรือการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าการใช้เพียงมนุษย์ หรือ AI เพียงอย่างเดียว
โดยคุณพชร อารยะการกุล มีโอกาสได้แชร์ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจและการใช้ AI สำหรับธุรกิจ SMEs ภายในหลักสูตร The DOTs 5th: Family Power – Legacy to the Future โดย SCB ที่มุ่งสนับสนุนทายาทธุรกิจ SME รุ่นใหม่ ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจให้มั่งคั่ง มั่นคง สามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีจากรากฐานที่ส่งต่อมารุ่นสู่รุ่น
นอกจากเรื่องของเทคโนโลยีแล้ว คุณพชรยังได้แชร์มุมมองด้านการดำเนินธุรกิจอีกหลายประการ ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์ปลุกปั้น บลูบิค กรุ๊ป จากพนักงานหลักสิบคนจนมาถึงพนักงานหลักพันคนและเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน
อยากปั้นธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ต้องมอง Position ให้ออก
กุญแจสำคัญในการสร้างธุรกิจให้เติบโต ต้องมองให้ออกก่อนว่าธุรกิจเราอยู่จุดไหน ผ่านการจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์และธุรกิจ แบบ BCG Matrix
- กลุ่ม Star: มีส่วนแบ่งการตลาดสูงและเติบโตสูง จำเป็นต้องลงทุนเต็มที่เพื่อการเติบโต
- กลุ่ม Cash Cow: ส่วนแบ่งการตลาดสูงแต่การเติบโตต่ำ ลดการลงทุน เน้นรักษาส่วนแบ่งการตลาดและสร้างกระแสเงินสดแทนการคาดหวังการเติบโตสูง
- กลุ่ม Question Mark: ส่วนแบ่งทางการตลาดต่ำ แต่เติบโตสูง เน้นกระจายความเสี่ยง ทดลองหลายๆ สินค้าหรือวิธีการ เพื่อหาโอกาสเป็น Star หรือ Cash Cow
- กลุ่ม Dog: ส่วนแบ่งการตลาดต่ำและเติบโตต่ำ ควรพิจารณาการเปลี่ยนแปลง หากติดอยู่ในกลุ่มนี้มากเกินไป
- เป้าหมายใหญ่: สำหรับทุกกลุ่ม ควรเริ่มจากการเพิ่มรายได้ในองค์กร เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ตัวชี้วัดสำคัญสำหรับ CEO ในธุรกิจแต่ละขนาด
ธุรกิจขนาดเล็ก (พนักงาน 5-10 คน)
- กระแสเงินสด (Cash Flow) คือหัวใจสำคัญ: ต้องแม่นยำเรื่องกระแสเงินสด เพราะหลายธุรกิจล้มเหลวเพราะเงินสดไม่พอ แม้จะมีกำไรก็ตาม
- ทำความเข้าใจ Cash Conversion Cycle และการบริหารเครดิตเทอมกับลูกค้า B2B
- เป้าหมายหลักคือ “อย่าเจ๊ง” แม้จะขาดทุนบ้าง ก็ยังประคองธุรกิจไปได้
ธุรกิจขนาดกลาง (พนักงาน 100+ คน)
- ความสามารถในการทำกำไร (Profitability) มีความสำคัญมากขึ้น: เมื่อกระแสเงินสดเริ่มคงที่ ธุรกิจจะเน้นที่กำไร
- กำไรช่วยสะท้อนผลการดำเนินงานในอนาคต แม้ว่าการรับรู้รายได้และค่าใช้จ่ายตามหลักบัญชีอาจจะแตกต่างจากการรับเงินสดจริง
ธุรกิจขนาดใหญ่ (พนักงาน 1,000+ คน หรือ มีบริษัทลูก)
- รายงานการบริหาร (Management Report / Management Accounting): มีความสำคัญอย่างยิ่ง
- ต้องดูการปันส่วนต้นทุน (Cost Allocation) ความสามารถในการทำกำไรแยกตามผลิตภัณฑ์ และการแยกต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) กับต้นทุนผันแปร (Variable Cost)
- ใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เช่น การตัดผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำกำไร หรือการปรับโครงสร้างซัพพลายเชน
2 ปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ เมื่อขยายธุรกิจ
เรื่องคน
- ความท้าทาย: การคัดเลือก การจัดการ และการสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน
- ความคาดหวัง: พนักงานจะไม่มีวันมีแรงจูงใจเท่าเจ้าของ ควรเผื่อใจว่าพนักงานอาจทำงานได้ประมาณ 50% ของความสามารถเจ้าของ
- สร้าง Middle Management: เมื่อธุรกิจเติบโตถึง 3 เท่าตัว จำเป็นต้องมีผู้จัดการระดับกลางมาช่วยบริหารและตัดสินใจ
- Incentive ที่ดี: ออกแบบแรงจูงใจที่เหมาะสมและไม่สร้างผลเสีย เช่น โบนัสที่ไม่ผูกกับเปอร์เซ็นต์ยอดขายจนเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การลดราคา
เรื่องระบบ
- ลดกระดาษเป็นศูนย์: ไม่ควรมีเอกสารที่เป็นกระดาษเลย
- การเก็บข้อมูล: หากยังไม่มีระบบ ควรเก็บข้อมูลในรูปแบบตาราง (Structured Data) ใน Excel จะดีกว่าการเก็บในรูปแบบข้อความหรือ PDF เพราะสามารถนำไปใช้ต่อยอดในระบบ ERP ได้ง่ายกว่า
- ระบบ ERP และระบบบัญชีจะมีความสำคัญมากขึ้นในการติดตามและควบคุมมาตรฐานการทำงาน
3 หลักคิดที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาว
- อย่าดูถูกทฤษฎี: สิ่งที่เรียนรู้จากมหาวิทยาลยมีคุณค่ามาก หากเข้าใจหลักการพื้นฐานและรู้วิธ๊นำไปประยุกต์ใช้ในบริบทที่ถูกต้อง
- มองอดีตให้เข้าใจว่า ‘ทำไม’ มันถึงเคยเวิร์ก: เมื่อเจอกับวิธีปฏิบัติในอดีต ควรวิเคราะห์ว่าทำไมวิธีการนั้นๆ ถึงเคยได้ผลในบริบทเดิม และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้มันอาจไม่ได้ผลในปัจจุบัน เพื่อตัดสินใจว่าจะปรับปรุงในทิศทางไหน หรือยกเลิก
- ผู้บริหาร SMEs ต้องรู้ลึก: ผู้ประกอบการควรมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจของตนเองอย่างลึกซึ้ง มากกว่าพนักงานและมากกว่าผู้เชี่ยวชาญภายนอก เพื่อให้สามารถประเมินและบริหารจัดการบุคลากรเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
Digital Transformation และบทบาทของ AI สำหรับ SMEs
- การใช้เครื่องมือ: ควรใช้ฟังก์ชันและเครื่องมือที่มีอยู่บนโลกให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงานและลดต้นทุน เช่น AI หรือเครื่องมือช่วยสร้างคอนเทนต์ต่างๆ
- การลงทุน: เน้นการลงทุนในการศึกษาหาความรู้ เช่น คอร์สเรียนต่างๆ และการทดลองทำ เพื่อให้เข้าใจว่าสิ่งใดได้ผลหรือไม่ได้ผล
- เพิ่มประสิทธิภาพ: ใช้เครื่องมือที่มีอยู่แล้ว เช่น ฟีเจอร์ AI ใน Microsoft Office หรือ Google เพื่อเพิ่ม Productivity ให้กับพนักงานทุกคน
- ใช้ AI สร้างคอนเทนต์สำหรับการตลาด: ซึ่งทำได้ในจำนวนมากและรวดเร็ว ซึ่งลดภาระของพนักงานได้หลายเท่า
- ช่วยในการทดสอบแคมเปญการตลาด: AI สามารถใช้ทำ A-B Testing ได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดพลังงาน
- ช่วยลดอุปสรรคด้านภาษา ในการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ
- ช่วยงาน Customer Interaction เช่นการตรวจสอบสลิป หรือการตอบคำถามลูกค้า
- ผู้ใช้ต้องใช้ให้เป็น อย่าลืมข้อจำกัดเช่น Hallucination หรือการสร้างข้อมูลผิดๆ ต้องมีการตรวจสอบโดยมนุษย์เสมอ
Smart Cyborg ตัวสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ
ในปัจจุบัน AI กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย แต่การใช้ AI เพียงอย่างเดียวอาจมีข้อจำกัดบางประการ “Smart Cyborg” จึงเป็นแนวคิดใหม่ที่มุ่งเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ยิ่งกว่าการใช้เพียงมนุษย์ หรือ AI เพียงอย่างเดียว
บทบาทของมนุษย์และ AI
- มนุษย์คือผู้กำหนดทิศทางที่แท้จริง: เพราะมนุษย์มองเห็นโอกาสและข้อจำกัดของธุรกิจตัวเอง
- มนุษย์คือผู้ ‘ใช้’: เพราะมนุษย์ โดยเฉพาะผู้บริหารจำเป็นต้องรู้ว่าจะใช้ AI อย่างไรบ้างในองค์กร
- มนุษย์คือผู้มีความรู้เฉพาะทาง (Domain Expertise): เพราะ AI ไม่อาจมีข้อมูลที่เป็นส่วนตัวหรือข้อมูลเฉพาะเจาะจงของบริษัท มนุษย์จึงจำเป็นต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาประยุกต์ใช้
- มนุษย์คือนัก Prompt ที่มีประสิทธิภาพ: การฝึกฝนและเรียนรู้วิธีออกคำสั่ง AI ที่ไม่ใช่แบบพื้นฐานทั่วไป จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพและลึกซึ้งกว่า
- มนุษย์ควรเป็น Smart Cyborg: เพราะการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้มนุษย์เพียงอย่างเดียวอย่างที่ธุรกิจครอบครัวเคยทำกันมา และมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ AI เพียงอย่างเดียว โดยปราศจาก Human Touch
สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ “คน” พร้อมรับการปรับตัว
แม้ว่าเทคโนโลยีจะเป็นตัวพลิกเกมสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ แต่ถ้าคนในองค์กรไม่พร้อมปรับตัวรับเทคโนโลยีมาใช้งานจริง การลงทุนในเทคโนโลยีย่อมไร้ความหมาย
แล้วองค์กรควรทำอย่างไรในการสื่อสารกับ ‘คนที่ (อาจ) ไม่ยอมเปลี่ยน’
- สื่อสารกับผู้นำรุ่นเก่าหรือผู้ก่อตั้ง: เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงโอกาส และความเสี่ยง ซึ่งหากเข้าใจจะสามารถควบคุมได้ และแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบในสิ่งที่เรากำลังจะเริ่มทำ
- สื่อสารกับพนักงานผ่านการ ‘ใช้ให้ดู’: เน้นการใช้ AI ในฟังก์ชั่นที่เห็นผลเร็ว เช่นการขายและการตลาด เพื่อให้เห็น Impact ที่เกิดขึ้น และทำให้พนักงานเชื่อมั่นว่าสามารถทำได้
- ใช้ความเข้าใจ: เป็นเรื่องธรรมดาที่พนักงานจะกังวลหรือกลัวตกงาน ดังนั้นต้องสื่อสารให้พนักงานลดความกังวล โดยชี้ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถใช้ AI ในการทำงาน เพียงแต่ต้องเป็น Smart Cyborg
- สร้างแรงจูงใจ: ออกแบบแรงจูงใจ เช่นการเพิ่มรายได้ให้พนักงาน หรือพื้นที่การมองเห็นหรือการยอมรับ เพื่อให้พนักงานอยากปรับตัวตามบริษัท
- ปิด Skill Gap: ให้การสนับสนุนพนักงานในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะคนเก่าแก่ และควรใช้วิธีเรียนรู้จากการลงมือทำจริง (Experiantal Learning) ไม่ใช่เพียงการส่งไปเรียนออนไลน์