“คนทำงานแบบไหนที่บลูบิคกำลังมองหา?” คือคำถามตั้งต้นในบทสนทนาของเรากับ คุณปิง-ศรีพงษ์ Director of Digital Excellence & Delivery (DX) แห่ง Bluebik ผู้รับหน้าที่ดูแลทีม System Analyst (SA) และทีม Backend และสิ่งที่เราได้รับฟังตลอดการพูดคุยก็คือมุมมองที่น่าสนใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับสิ่งที่คนทำงานยุคใหม่พึงจะมี โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ AI กำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงมหาศาลในโลกอนาคต

และคุณสมบัติที่ ‘ปิง’ มองว่าสำคัญมีอยู่ 3 ข้อหลักๆ ด้วยกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย!
1. AI Mindset: การใช้ AI มาช่วยให้งานง่ายและไวกว่าที่เคย
แน่นอนว่าคุณสมบัติหลักที่ ปิง-ศรีพงษ์ ผู้เป็น Director ของทีม DX ซึ่งคือทีมเทคฯ สุดแกร่งของบลูบิค กำลังมองหานั้นคือการใช้ AI เข้ามาช่วยให้งานสำเร็จลุล่วงได้อย่างมีคุณภาพภายในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งทำให้ทั้งคนทำงานสามารถลดเนื้องานซ้ำ ๆ ส่วนองค์กรก็มีเวลาในการทำให้โซลูชันยิ่งมีประสิทธิภาพขึ้น โดยปิงบอกเล่าเอาไว้ว่า
“สิ่งแรกที่เรามองหาตอนนี้ก็คือเรื่องของ AI Mindset เป็นหลักเลย เวลาสัมภาษณ์คนเข้าทำงาน เราจะถามทุกครั้งว่าเคยใช้ AI มาบ้างไหม ถ้าใครบอกว่าใช้ ก็จะถามต่อว่าใช้ยังไงบ้าง เพราะคนที่ไม่ได้ใช้ AI อาจหมายถึงว่าเขายังไม่ได้มองว่าเราควรกำจัดงานที่เป็นการทำซ้ำหรืองานง่าย ๆ ออกไป ซึ่งมันจำเป็น เราเชื่อว่าถ้าเขาใช้ AI มันจะช่วยให้เขาทำงานได้เร็วและดีขึ้น”
“ดังนั้นเวลาเจอคนที่บอกว่ายังไม่เคยใช้ เราก็จะถามต่อในมุมอื่นว่าเขามีอะไรที่หยิบมา Optimize ได้บ้าง ถ้ามี ก็อาจจะพิจารณาเพิ่ม เช่น การทำทุกอย่างเป็นเทมเพลต หรือการจัดการงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มันก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยได้ แต่ที่สุดแล้วผมก็สนใจคนที่ใช้ AI มาช่วยงานเป็นหลักอยู่ดี เพราะเราเป็นองค์กรที่ต้องการ Productivity สูงกว่าองค์กรอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น คนที่มาเป็น SA (System Analyst) บางคนอาจมีประสบการณ์เป็นนักพัฒนา (Developer) มาก่อนจะได้เปรียบว่าคนที่ไม่เคยผ่านตำแหน่งนี้มา เพราะว่าการที่เราสามารถใช้ AI ผ่านการ Code ได้ จะทำให้ Productivity สูงกว่าคนอื่นๆ ที่ทำไม่ได้”
และเหตุที่ AI Mindset สำคัญในมุมมองของปิง นั่นก็เพราะสำหรับงาน SA การใช้ AI มาทำ Spec (Specification) ให้ดี เป็นพื้นฐานหลักของการทำงานในอนาคต
“ตำแหน่งที่อาจจะนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นใช้ AI เพื่อเพิ่ม Productivity มากขึ้นได้อย่างไร อย่างเช่น ตำแหน่ง SA ช่วงที่เราเริ่มการเปลี่ยนแปลงช่วงแรก ๆ ก็เริ่มจากการสร้าง AI Mindset ให้กับทีมก่อน โดยใช้วิธีการที่สนับสนุนให้น้อง ๆ ในทีม SA ลองเอา AI มาใช้ทำงานร่วมกันในเรื่องอะไรก็ได้ แต่ก็มีขั้นตอนมีการติดตามวัดผล เช่น เลือก Spec SA ขึ้นมา ซึ่งแต่ละโปรเจกต์โดยปกติก็จะมี Spec ของ API (Application Programming Interface) จำนวนมาก ในทีมเองก็คิดว่า AI น่าจะช่วยได้แน่ ๆ เราปล่อยให้น้อง ๆ ลองเสนอวิธีการใหม่ ๆ แล้วลองเอามาเปรียบเทียบกัน ซึ่งพอลองทำแล้วมันก็ Success ดี แล้วเอามาแชร์กัน เราก็จะเอาวิธีที่ดีที่สุดให้กับทุกคนไปใช้ แล้วเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คราวนี้ ทุกคนในทีมก็จะคุ้นมือหรือมั่นใจในการทำงานร่วมกับ AI มากขึ้น ต่อมาเราก็ลองยกระดับ Spec ที่มันซับซ้อนกว่าเดิม เช่น เส้นที่มันต่อไป API External หรือ Standard API ที่มีอยู่แล้ว ก็พบว่าเราสามารถใช้ AI เข้ามาช่วยงานเราได้และช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นมาก ๆ ดังนั้น AI Mindset จึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ทีมเราทุกคนจะต้องมี” เขากล่าว
2. Growth Mindset: การใช้เวลาให้คุ้มค่าเพื่อการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
คุณสมบัติสำคัญถัดจาก AI Mindset ก็คือ Growth Mindset ที่แง่หนึ่งนั้นวัดได้จากมุมมองเกี่ยวกับการศึกษาเพิ่มเติมซึ่งไม่จำกัดอยู่เฉพาะในเวลางาน โดยหากคนทำงานมองว่าสามารถใช้เวลาที่เหลือส่วนหนึ่งไปกับการพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญของตนเอง หรือศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI ก็จะเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจมากทีเดียว
“มันอาจเป็นการไปเรียนรู้เพิ่มเติมในสิ่งที่ตนเองสนใจ เขาต้องมีความชัดเจนในตัวเองให้ได้ เพราะในการทำงานเป็นที่ปรึกษา เราต้องเก่งกว่าตัวงานของเรา และนำหน้าลูกค้าอยู่เสมอ เราเลยอาจต้องคอยสำรวจตัวเองว่าเรายังต้องพัฒนาตัวเองในจุดใดบ้างอยู่เสมอๆ”
ปิงได้ยกตัวอย่างให้เราเห็นภาพเกี่ยวกับการเรียนรู้เพิ่มเติมและ Growth Mindset จากกรณีของ ‘บอม-ณัชพล’ Senior System Analyst ที่ได้ทำงานภายใต้การดูแลของปิงโดยตรง ซึ่งปิงบอกเล่าเอาไว้ว่า
“อย่างที่ผมเคยบอกน้องเอาไว้ สำหรับงาน SA ถ้าทำ Spec ดี ๆ แล้ว ด้วยวิวัฒนาการของ AI Coding ในอนาคตอันใกล้น่าจะสามารถแปลงมันเป็นโค้ดได้ทันทีเลย ที่ประทับใจน้องบอมก็คือ น้องได้กลับไปดู ไปเรียนรู้ว่ามันทำยังไงได้บ้าง ไปลงคอร์สเพิ่มเติม แล้วลองทำมาให้ผมดู เขาบอกว่าไปทำมานอกเวลางาน ด้วย Passion ของตัวเองล้วน ๆ พอผมดูมันก็ใช้ได้ ซึ่งถ้าอันไหนดูทำเป็น Quick win ได้ ไม่ใช้เวลามาก ก็จะให้ทีมมาลอง Apply ใช้ทันทีว่าเป็นอย่างไร ผมชอบที่เขาไปเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่ทีมของพวกเราจะไปข้างหน้า เขาได้ลองคิดหา Proof of Concept เป็นไอเดียเล็กๆ เพื่อทดลองสิ่งที่เขาไปหาความรู้เพิ่มเติมมา โดยที่เราไม่ต้องบอกเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้องมี Growth Mindset มาก ๆ”
3. Team Mindset: การเห็นความสำคัญกับทีมเวิร์กที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ
“ผมคิดว่าเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น งานล่าช้า หรือเกิดข้อติดขัด ผมว่าการที่ทีมคุยกันตรงง ๆ ได้ ว่าติดอะไร เราจะปรับกระบวนการกันอย่างไร รวมถึงช่วยกันทำงานแบบเป็นทีมได้ มันจะแก้ไขได้ดีที่สุดครับ” ปิงกล่าว
และสำหรับคำถามที่ปิงใช้ถามเป็นตัวอย่างในการเลือกคนเข้าทีมก็เช่น “ถ้าเกิดมีคนในทีมทำงานไม่เสร็จตามไทม์ไลน์ จะแก้ไขปัญหาอย่างไร?” ซึ่งคำตอบที่ตัวเขาพบว่าน่าสนใจก็คือ การมองเห็นว่าปัญหานี้เป็นสิ่งที่พูดคุยกันได้ และจะไม่ส่งต่อวิธีการทำงานแบบนี้ให้กับรุ่นน้อง
และเหตุที่ Team Mindset สำคัญ ก็สะท้อนได้จากอีกหนึ่งคุณลักษณะสำคัญของทีม DX ที่หลายคนต่างพูดตรงกัน นั่นคือความสนิทสนมกันในทีม ซึ่งปิงเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานที่ทำให้เกิดความสนิทสนมในหมู่คนทำงาน โดยวิธีการของเขาก็คือ การวางตัวเองเป็นพี่ชายของน้อง ๆ ทั้งกลุ่ม
“เวลาผมนำทีม ผมจะไม่มองตัวเองเป็นหัวหน้างาน แต่ผมมักจะบอกน้อง ๆ ว่าผมเป็น “พี่” มากกว่า เราเป็นพี่ของเขานะ เขาก็เป็นเหมือนน้องของเรา เราคุยกันได้ทุกเรื่อง เรื่องชีวิต เรื่องงาน แชร์กันเรื่องอนาคต ไป Hang Out กันบ้าง เราแทบไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดกัน ซึ่งผมก็บอกพวกเขาว่าเวลาดูแลน้อง ๆ ของเขาอีกที ก็อยากให้ใช้วิธีนี้เหมือนกัน เพียงแต่เรื่องสไตล์ก็ให้เลือกตามที่ตัวเองถนัดได้เลย สิ่งที่อยากให้คงไว้คือความเป็นพี่เป็นน้องกัน เวลามีอะไรน้อง ๆ เขาก็จะกล้าระบายให้เราฟัง และนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด”
“ผมเชื่อว่ายิ่งคนทำงานสนิทสนม สนิทใจกัน งานมันยิ่งไปได้ดี” ปิงกล่าว และการส่งต่อวัฒนธรรมความเป็นพี่น้องไปรุ่นต่อรุ่น ก็ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมลุยไปด้วยกันผ่านงานที่ท้าทายได้เสมอ
Growth and Chances: โอกาสเติบโตที่ Bluebik ท่ามกลางโลกที่กำลังต้องการ Transformation
ขณะที่ปิงในฐานะ Director แห่งทีม DX มองว่ามีสิ่งที่องค์กรอยากได้จากคนทำงาน ในเวลาเดียวกันองค์กรเองก็พร้อมที่จะดันคนทำงานให้เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพเช่นกัน
“ในแต่ละปี เราพร้อมผลักดันและสนับสนุนนน้อง ๆ ที่มีความสามารถให้เติบโตขึ้นทันที เมื่อเราเห็นแล้วว่าคนนี้น่าจะมีศักยภาพในการเติบโตขึ้นไปอีกระดับหนึ่งได้ เราก็สามารถบอกเขาได้เลยว่าคุณสามารถคว้าโอกาสนี้ได้นะ โดยมีหลักฐานยืนยันให้เห็น เพราะ Bluebik อยากให้คนทำงานได้เติบโตขึ้นตามศักยภาพของแต่ละคนอยู่แล้ว ซึ่งข้อดีก็คือบริษัทเองก็จะโตตามทุกคนไปด้วย ดังนั้นถ้ามีผลการทำงานที่ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เราก็สามารถยื่นให้บริษัทดูแล้วก็ สนับสนุนให้เลื่อนขั้นตามเส้นทางที่น้องอยากโตได้ น้อง ๆ สามารถมาคุยกับ Director ได้ว่าเขาอยากเติบโตไปในสายไหน ภายในระยะเวลากี่ปี และเราก็พร้อมสนับสนุนให้เขาได้เติบโตตามแผนที่วางไว้เสมอ”
“องค์กรอื่น ๆ อาจจะดูที่อายุ วุฒิการศึกษา หรือดูจำนวนปีที่ทำงานว่า ต้องถึงตามเกณฑ์ แต่ที่ Bluebik เราดูที่ความสามารถล้วน ๆ และพร้อมสนับสนุนน้องๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากครับ”
โดยในข้อนี้ปิงเล่าให้เราฟังเพิ่มเติมว่า
“สิ่งสำคัญเลยคือเราอยากให้มองที่การเติบโต มีน้องคนหนึ่งที่เขาเพิ่งเข้ามา 3 เดือน ซึ่งเราก็ได้เห็นพัฒนาการของเขาที่เคยทำงานในองค์กรใหญ่มาก ๆ มาก่อน ซึ่งต้องปรับตัวพอสมควรเมื่อมาที่นี่ จากเดือนแรกที่เขาเครียด เราได้เห็นว่าตอนนี้เขายิ้มแล้วก็พร้อมสู้ เขาอาจจะต้องทุ่มเทเวลามากขึ้นอีกหน่อยและกัดฟันสู้เพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้น แต่เราเห็นแล้วว่าเขาสามารถทำได้จริง ซึ่งทำให้เขาขยับขึ้นเป็นซีเนียร์ได้ และเขาก็ชวนเพื่อนเขาเข้ามาทำที่นี่ด้วย ซึ่งเราว่าเป็นสิ่งที่ดีมากที่ได้เห็น”
ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากการได้เห็นตัวเองเติบโตขึ้นแล้ว ปิงยังเสริมอีกว่าหลาย ๆ โปรเจกต์ที่ทีมได้ทำล้วนแต่เป็นโปรเจกต์ที่หากทำสำเร็จแล้วจะสร้าง Impact กับคนหลักพันไปจนถึงหลักล้านคน จุดนี้กลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่หลายคนเห็นว่าเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ ที่สามารถช่วยให้ชีวิตคนหลาย ๆ คนง่ายขึ้นผ่านโซลูชันที่พวกเขาทำ
ยิ่งไปกว่านั้น ในอนาคตก็เต็มไปด้วยโอกาสที่จะได้สร้างงานที่มี Impact ร่วมกับหลาย ๆ องค์กร
“อนาคตของธุรกิจในช่วง 4 – 5 ปีนับจากนี้ ยังไงก็ต้องเข้าสู่ AI Transformation แน่นอน ทีนี้การที่จะเป็น AI Transformation มันก็ต้องผ่าน Digital Transformation หรือการแปลงทุกอย่างที่อยู่บนกระดาษให้เป็นดิจิทัลก่อน ดังนั้นทุกธุรกิจต้องเริ่มจากการทำสิ่งนี้เพื่อให้อยู่รอดได้”
สิ่งที่ปิงพูดจึงหมายถึงโอกาสมหาศาล และแน่นอนว่า Bluebik ก็พร้อมที่จะพาคนทำงานที่มีเป้าหมายเดียวกัน ไปสู่อนาคตด้วยการตอบรับความเปลี่ยนแปลงมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทั้งคนทำงานและองค์กรเติบโตไปพร้อม ๆ กันนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่พร้อมลุยงานท้าทายไปด้วยกัน อย่ารอช้า เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Bluebik โดยคลิกดูตำแหน่งที่เปิดรับสมัครได้เลยที่ https://bluebik.com/th/job/