
ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัลที่ภัยคุกคามไซเบอร์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การรักษาความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ (IT) จึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน การประเมินความเสี่ยงและค้นหาช่องโหว่ (Vulnerability) เป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ในการสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารและ IT Manager จำนวนมากมักจะสับสนระหว่างคำสองคำที่คล้ายคลึงกันอย่าง Pentest และ VA Scan บทความนี้จะเจาะลึกความแตกต่างที่สำคัญของทั้งสองกระบวนการ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดว่าควรเลือกใช้เครื่องมือใดให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความต้องการขององค์กร
VA Scan (Vulnerability Assessment Scan): การตรวจสอบช่องโหว่ของระบบ
VA Scan หรือ Vulnerability Assessment Scan คือกระบวนการใช้เครื่องมืออัตโนมัติ (Automated Tool) เพื่อสแกนและระบุช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นในระบบเครือข่ายหรือแอปพลิเคชัน โดยหลักการทำงานจะเปรียบเทียบรูปแบบการโจมตีที่รู้จักกับฐานข้อมูลช่องโหว่ที่มีอยู่ (Database) และให้ผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบของรายงานที่มีรายละเอียดช่องโหว่และความรุนแรง
ข้อดีของ VA Scan:
- รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย:VA Scan ใช้เครื่องมืออัตโนมัติในการสแกน จึงสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่ามาก
- ครอบคลุมในวงกว้าง:สามารถสแกนระบบจำนวนมากพร้อมกันได้ ทำให้เหมาะสำหรับการตรวจสอบช่องโหว่เบื้องต้นในระบบขนาดใหญ่
- เหมาะสำหรับการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น:ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยให้ IT Manager สามารถจัดลำดับความสำคัญของช่องโหว่ที่ต้องแก้ไขก่อนหลังได้
ข้อจำกัดของ VA Scan:
- ผลลัพธ์ไม่แม่นยำ 100%:เครื่องมืออัตโนมัติอาจให้ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดได้ (False Positives) และไม่สามารถเข้าใจตรรกะที่ซับซ้อนของการโจมตีได้
- ขาดการวิเคราะห์เชิงลึก:ไม่สามารถประเมินผลกระทบที่แท้จริงของช่องโหว่ได้ว่าสามารถถูกใช้เป็นช่องทางในการโจมตีแบบต่อเนื่อง (Chained Attack) ได้หรือไม่
- ไม่สามารถทดสอบช่องโหว่แบบ Zero-Day:ไม่สามารถค้นหาช่องโหว่ที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อนได้ เนื่องจากอ้างอิงจากฐานข้อมูลช่องโหว่ที่มีอยู่แล้ว
Pentest (Penetration Test): การทดสอบเจาะระบบ
Pentest หรือ Penetration Test คือกระบวนการจำลองการโจมตีระบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Ethical Hacker) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเจาะระบบให้ได้จริง และแสดงให้เห็นว่าผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือควบคุมระบบได้ในระดับใด การทำ Pentest ไม่ได้ใช้เพียงเครื่องมืออัตโนมัติ แต่ยังรวมถึงความรู้และความเชี่ยวชาญของมนุษย์ในการค้นหาช่องโหว่ที่ซับซ้อน
ข้อดีของ Pentest:
- ประเมินผลกระทบที่แท้จริง:Pentest จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าช่องโหว่ที่มีอยู่สามารถถูกนำไปใช้เพื่อเจาะระบบได้อย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อองค์กรในระดับใด
- ค้นหาช่องโหว่ที่ซับซ้อน:สามารถค้นหาช่องโหว่ที่เกิดจากการตั้งค่าผิดพลาด หรือช่องโหว่ที่เกิดขึ้นจากหลายๆ จุดรวมกัน ซึ่งเครื่องมือ VA Scan ทั่วไปไม่สามารถทำได้
- ระบุจุดอ่อนของกระบวนการ:นอกจากการทดสอบทางเทคนิคแล้ว Pentest ยังสามารถเผยให้เห็นจุดอ่อนของกระบวนการรักษาความปลอดภัยขององค์กร เช่น การจัดการสิทธิ์ของผู้ใช้ หรือการรับมือกับเหตุการณ์
- ให้คำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้จริง:ผู้เชี่ยวชาญจะให้รายงานที่ละเอียดและคำแนะนำในการแก้ไขที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
ข้อจำกัดของ Pentest:
- ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง:Pentest เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญของบุคลากร จึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าและใช้เวลาในการดำเนินการนานกว่า
- จำกัดขอบเขต:โดยทั่วไปจะจำกัดขอบเขตการทดสอบตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ ทำให้ไม่ครอบคลุมทั้งระบบทั้งหมดเหมือน VA Scan
สรุป: ควรเลือกใช้อะไรและเมื่อไหร่?
การตัดสินใจเลือกระหว่าง Pentest และ VA Scan ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและทรัพยากรขององค์กร
ผู้บริหาร:ควรทำความเข้าใจว่า VA Scan เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพประจำปีที่ทำได้บ่อยๆ เพื่อหาความผิดปกติเบื้องต้น ในขณะที่ Pentest เปรียบเสมือนการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดที่มีความซับซ้อน เมื่อองค์กรต้องการประเมินความมั่นคงปลอดภัยอย่างครอบคลุมหรือกำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Pentest คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
IT Manager:สามารถใช้ VA Scan ในการตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกเดือนหรือทุกไตรมาส เพื่อค้นหาช่องโหว่ที่เกิดขึ้นใหม่ ในขณะที่ Pentest ควรทำอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบที่สำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามที่ซับซ้อน
การใช้ทั้งสองเครื่องมือควบคู่กันไปอย่างชาญฉลาดคือกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับองค์กรของคุณ
องค์กรที่ต้องการยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างรอบด้าน ไม่เพียงแต่ต้องเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมอย่าง VA Scan หรือ Pentest เท่านั้น แต่ยังควรมีพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่เข้าใจภาพรวมของธุรกิจ Bluebik Group คือที่ปรึกษาด้าน Digital Transformationและ Cybersecurity ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในระดับเทคโนโลยีและระดับนโยบายองค์กร พร้อมช่วยออกแบบแนวทางการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม ตั้งแต่การประเมินความเสี่ยงเชิงลึก การวาง Roadmap ไปจนถึงการบริหารจัดการช่องโหว่และภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากคุณกำลังมองหาคู่คิดด้าน Cybersecurity ที่ไว้ใจได้ พร้อมให้คำปรึกษาอย่างเป็นระบบและนำไปปฏิบัติได้จริง Bluebik คือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bluebik.com
ติดตามทุกเทรนด์ธุรกิจและนวัตกรรมเทคโนโลยีไปกับเรา
Source:
- Penetration Test vs. Red Team Assessment
- What is Penetration Testing? | Definition, Process & Use
- What is Vulnerability Management? | Risk-Based VM Guide
- What Is a Vulnerability Assessment? And How to Conduct
- What is Vulnerability Management?
- Vulnerability Scanning, Analysis, and Reporting
- Penetration Testing Methodologies