Artificial Intelligence

AI Transformation ตัวช่วยยกระดับความสามารถการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง

AI Transformation คือ การนำปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถคิดวิเคราะห์ และตัดสินใจได้ดีกว่ามนุษย์ มาช่วยยกระดับกระบวนการทำงานที่มีดิจิทัลเป็นพื้นฐาน

25 มิถุนายน 2564

By Bluebik

2 Mins Read

ปัจจุบันหลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ทั้งเรื่องการวางระบบและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการทำธุรกิจบนโลกดิจิทัล พร้อมต่อยอดสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อขยายแหล่งรายได้และเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า ทั้งในแง่ฟังก์ชันและประสบการณ์การใช้งาน แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่ข้อได้เปรียบอีกต่อไปในอนาคต หากทุกองค์กรสามารถทรานส์ฟอร์มตนเองได้สำเร็จ ดังนั้นธุรกิจที่ต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มอุตสาหกรรม ควรเริ่มสร้างความแตกต่างและยกระดับธุรกิจ อย่างการใช้ AI Transformation 

AI Transformation คืออะไร สำคัญต่อองค์กรขนาดไหน ? 

AI Transformation คือ การนำปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และตัดสินใจได้แม่นยำกว่ามนุษย์ มาช่วยยกระดับกระบวนการทำงานที่มีดิจิทัลเป็นพื้นฐาน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection) การทำความสะอาดและกำจัดข้อมูลที่ไม่จำเป็น (Data Cleansing)  

รวมถึงการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลให้พร้อมสำหรับการใช้งาน (Data Digitization) เพื่อช่วยวางกลไกของระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) ภายในองค์กร ให้มีความฉลาดและเฉียบคมมากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องตอบโต้หรือรอคำสั่งงานจากมนุษย์ทุกครั้ง โดยเฉพาะกระบวนการทำงานที่มีรูปแบบเดิมซ้ำๆ มีความเฉพาะเจาะจง หรือมีการกำหนดขั้นตอน และตัวแปรต่างๆ ไว้อย่างชัดเจนแล้ว

AI Transformation

การนำศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามายกระดับกระบวนการทำงาน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำความเข้าใจผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป มีความต้องการที่หลากหลาย และซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการนำมาซึ่งการวางกลยุทธ์ และการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีความแม่นยำสูง ภายใต้การใช้งบประมาณที่ลดลง อาทิ การตัดสินใจว่าจะจำหน่ายสินค้าให้ลูกค้ากลุ่มใด จึงจะมีโอกาสปิดการขายได้มากที่สุด หรือหากมีลูกค้าที่มีคุณลักษณะแตกต่างกัน แต่แสดงความสนใจซื้อสินค้าในช่วงเวลาเดียวกัน พนักงานควรจะเลือกให้บริการลูกค้ารายใดก่อน  

การใช้ AI จึงนับเป็นการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ เพื่อเอาชนะคู่แข่งในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน อีกทั้งยังสามารถประมวลผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ รวมถึงสามารถคัดกรองเฉพาะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับแต่ละแผนก ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการทำงานหรือพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้ 

5 ขั้นตอนสร้าง AI Transformation  

สำหรับองค์กรที่ต้องการก้าวไปสู่การเป็น Data-Driven Organization ที่ใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจและมีการวางผังโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับการเชื่อมโยงและบริหารจัดการบิ๊กดาต้านั้น จะต้องเร่งเสริมศักยภาพด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยในกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ภายในองค์กร (AI Transformation) เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน โดยจะต้องดำเนินการ 5 ด้าน ดังนี้ 

1. AI Strategy 

วางกลยุทธ์ด้านปัญญาประดิษฐ์ให้ชัดเจน (AI Strategy) และเชื่อมโยงกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ (Business Strategy) ซึ่งจะเป็นการกำหนดบทบาทว่า จะนำ AI เข้ามาปรับใช้กับกระบวนการทำงานใดจึงจะสามารถสร้างมูลค่าได้มากที่สุด หรือสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว 

2. AI Use Case  

ออกแบบกรณีศึกษาที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นแกนหลักในการดำเนินงาน (AI Use Case) โดยพิจารณาว่าองค์กรมีรูปแบบธุรกิจอย่างไร แหล่งรายได้มาจากที่ใด มีต้นทุนการดำเนินงานเท่าไร และข้อมูลรูปแบบดิจิทัลที่ได้จากการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอน จะสามารถนำมาวิเคราะห์ด้วย AI ได้หรือไม่ เพื่อหาความเป็นไปได้ในการริเริ่มกรณีศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (Feasibility Assessment) ซึ่งสามารถแก้ไขข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจได้จริง และเป็นช่องทางใหม่ๆ ๆ ในการสร้างรายได้ 

3. AI Infrastructure 

วางโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Infrastructure) เพื่อรองรับกระบวนการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเหมาะสม ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เนื่องจากจะช่วยให้การบริหารจัดการและพัฒนากรอบการดำเนินงานเกี่ยวกับ AI ในอนาคตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเพิ่มหรือขยายระบบได้อย่างยืดหยุ่นในระยะยาว 

4. AI Operations  

ปรับกระบวนการทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Operations) ด้วยการวางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน AI ภายในองค์กรให้ชัดเจน และสรรหาบุคลากรเฉพาะทางเข้ามารับผิดชอบงาน เพื่อให้สามารถนำ AI ไปยกระดับการดำเนินงานได้จริง อาทิ การกำหนดหลักการด้านจริยธรรม และแนวทางปฏิบัติในการใช้ AI บนพื้นฐานของธรรมาภิบาล (Data Governance) รวมถึงการผสานการทำงานของฝ่ายที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI – Data เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (MLOps) 

5. AI Culture  

สร้างความตระหนักและปรับวัฒนธรรมองค์กร (AI Culture) เพื่อให้พนักงานตระหนักว่า ศาสตร์ด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์มีส่วนสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยยกระดับกระบวนการทำงานให้มีความแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้ทุกแผนกมีส่วนร่วมในการนำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ด้วย AI มาปรับใช้กับการดำเนินงานในขั้นตอนต่างๆ หรือการตัดสินใจทางธุรกิจ ควบคู่กับการกระตุ้นให้พนักงานเร่งพัฒนาทักษะของตนเอง (Reskill – Upskill) เพื่อปรับบทบาทมาเป็นผู้กำหนดนโยบาย และควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของ AI 

AI Transformation Strategy

3 กลยุทธ์สร้าง AI Transformation ให้ประสบความสำเร็จ 

การทำ AI Transformation นั้นมีความซับซ้อน และจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้องค์กรธุรกิจ บลูบิค (Bluebik) ในฐานะที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร ขอแนะนำแนวทางเพื่อให้การทำ AI Transformation ประสบความสำเร็จ ดังนี้้ 

1. Strategic Planning  

ออกแบบยุทธศาสตร์ (Strategic Planning) ในการนำปัญญาประดิษฐ์ไปประยุกต์ใช้อย่างสอดคล้อง กับกลยุทธ์ธุรกิจผ่านการศึกษารูปแบบธุรกิจอย่างละเอียด เพื่อมองหาโอกาสที่จะนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ ให้กับองค์กร 

2. Strategic Implementation  

ขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานด้านปัญญาประดิษฐ์อย่างมีกลยุทธ์ (Strategic Implementation) โดยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล (Data Infrastructure) ให้สามารถจัดเก็บได้อย่างเป็นระบบและง่ายต่อการนำไปใช้งาน พร้อมสร้างแบบจำลองการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics Model) เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลดังกล่าวจะสามารถสร้างความได้เปรียบให้องค์กรในอนาคต 

3. Strategic Support  

ปรับปรุงและพัฒนาแผนการดำเนินงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (Strategic Support) ให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ แม้องค์กรจะมีกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ชัดเจนแล้วก็ตาม รวมถึงการดูแลและควบคุมการขับเคลื่อนแผนงานนั้นให้สำเร็จลุล่วง 

ปัญญาประดิษฐ์ AI

การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาประดิษฐ์จะช่วยให้องค์กรเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อาทิ แนวโน้มความสนใจของลูกค้าในผลิตภัณฑ์และบริการรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในอนาคต ซึ่งจากประสบการณ์ของ บลูบิค (Bluebik) ที่ได้เข้าไปช่วยขับเคลื่อนแผนงานด้านปัญญาประดิษฐ์ให้กับองค์กรต่างๆ ทั้งระบบงานหน้าบ้าน (Front-Office) และระบบงานหลังบ้าน (Back-Office) พบว่า หลายองค์กรมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 10 – 50% และสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญ จนนำมาซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่ยอดเยี่ยม 

สำหรับผู้สนใจการยกระดับองค์กรสู่ดิจิทัล บลูบิค (Bluebik) มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้บริการโซลูชันครบวงจร และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ตั้งแต่ระดับกลยุทธ์ไปจนถึงการนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับองค์กร ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาได้ที่ [email protected] หรือโทรศัพท์ 02-636-7011

25 มิถุนายน 2564

By Bluebik