
ในภูมิทัศน์ธุรกิจโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประเด็นเรื่องความยั่งยืน หรือ ESG (Environment, Social, Governance) ได้ก้าวข้ามจากการเป็นเพียง “สิ่งที่ควรทำ” มาสู่ “สิ่งที่ต้องทำ” อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากหลายทิศทาง ทั้งแรงกดดันจากนักลงทุนทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงแนวโน้มกฎระเบียบที่เข้มข้นขึ้น และที่สำคัญคือความคาดหวังจากผู้บริโภคและคู่ค้าที่ต้องการเห็นธุรกิจโปร่งใส ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันและการเข้าถึงตลาดขององค์กรไทย
บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ Bluebik ที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการประยุกต์ใช้เอไอระดับองค์กร เล็งเห็นถึงความท้าทายและโอกาสนี้ จึงได้พัฒนา LISMA X โซลูชันอัจฉริยะขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้องค์กรไทย โดยเฉพาะผู้ใช้งานระบบ SAP สามารถบูรณาการหลักการ ESG เข้ากับการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับสู่องค์กรดิจิทัลเต็มรูปแบบ
วรัทย์ ไล้ทอง ผู้อำนวยการสายงาน ERP Advisory บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ESG ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเรื่องคาร์บอนฟุตพรินต์อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อมทั้งหมด การดูแลพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ตลอดจนความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรซึ่งต้องสามารถตรวจสอบได้ มีความชัดเจนและความแม่นยำในข้อมูลต่าง ๆ การละเลย ESG ไม่เพียงทำให้องค์กรพลาดโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
จากความคุ้นเคย สู่มาตรฐานเอ็นเตอร์ไพรส์
LISMA X คือโซลูชันที่พัฒนาต่อยอดมาจาก LISMA รุ่นบุกเบิก ซึ่งเคยสร้างความสะดวกในการใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม LINE ที่ผู้ใช้ชาวไทยคุ้นเคย เพื่อตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นขององค์กรขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยข้อมูล ความน่าเชื่อถือของระบบ และการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงในระดับเอ็นเตอร์ไพรส์ Bluebik จึงได้ร่วมมือกับ Microsoft (ประเทศไทย) พัฒนา LISMA X ให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพบน Microsoft Power Platform
“เมื่อเราเปลี่ยนมาพัฒนาบนแพลตฟอร์ม Microsoft คำถามเรื่องความปลอดภัยหรือความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มก็หมดไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เราสามารถทำการตลาดและสื่อสารกับลูกค้าได้กว้างขวางยิ่งขึ้น”
LISMA X ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น Mobile Solution ที่เชื่อมต่อการทำงานหลังบ้านของ SAP เข้ากับการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนอย่างลงตัว ช่วยแก้ไขปัญหาคอขวดในกระบวนการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างระบบ SAP กับการรายงานและการบริหารจัดการด้าน ESG โดยมีคุณสมบัติหลัก คือ ทำให้การดึงข้อมูลจาก SAP เพื่อการรายงาน ESG เป็นเรื่องง่าย คำนวณตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน (KPI) ด้านความยั่งยืนโดยอัตโนมัติ บูรณาการข้อมูลความยั่งยืนจากแหล่งภายนอก (Non-SAP) เข้ากับข้อมูลใน SAP และนำเสนอการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ผสานพลังระบบนิเวศ SAP และ Microsoft
LISMA X ไม่ได้เป็นเพียงแอปพลิเคชันทั่วไป แต่เป็นโซลูชันที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับระบบนิเวศของ SAP และ Microsoft อย่างไร้รอยต่อ เพื่อปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของทั้งสองแพลตฟอร์ม
ปลดล็อกศักยภาพ SAP ด้วย LISMA X ได้แก่ การแก้ปัญหา Notification และ Mobile Access เนื่องจากระบบ SAP โดยพื้นฐานเป็นระบบที่ผู้ใช้ต้องล็อกอินเข้าไปตรวจสอบงานหรือข้อมูลเอง LISMA X แก้ปัญหานี้โดยการส่งการแจ้งเตือนเรื่องราวต่าง ๆ เช่น เอกสารรออนุมัติ งานที่ต้องดำเนินการ ออกมายังผู้ใช้งานภายนอกผ่าน Microsoft Teams ในลักษณะข้อความ Chat แบบเฉพาะบุคคล (Personalized) ทำให้ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวสำคัญ อีกทั้งยังเพิ่มความคล่องตัวด้วย Mobile Access ทำให้พนักงานสามารถเข้าถึงและทำธุรกรรมต่าง ๆ บน SAP ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ทันที เช่น การอนุมัติใบขอซื้อ (Purchase Requisition) การตรวจสอบราคาสินค้า การเช็ควงเงินสินเชื่อลูกค้า หรือการบันทึกคำสั่งขาย (Sales Order) โดยไม่ต้องกลับเข้าออฟฟิศหรือเปิดคอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ ยังบันทึกและติดตามข้อมูล ESG ได้ โดยที่ LISMA X ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือส่วนหน้า (Front-end) ที่ช่วยให้การบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ESG ใน Scope 1, 2 และ 3 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง ทางอ้อมจากการใช้พลังงาน และทางอ้อมอื่น ๆ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน) จากข้อมูลหลักที่ถูกจัดเก็บใน SAP เป็นเรื่องง่ายขึ้น หากมีการออกแบบกระบวนการทางธุรกิจให้รองรับ เช่น การบันทึกข้อมูลการใช้พลังงาน การจัดการของเสีย หรือข้อมูลด้านสังคมที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานผ่านมือถือ
Bluebik ยังทำงานร่วมกับ SAP (ประเทศไทย) อย่างใกล้ชิด โดย LISMA X สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องมือรวบรวมข้อมูลและอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกับโซลูชันหลักด้าน ESG ของ SAP อย่าง “SAP Sustainability Control Tower” ซึ่ง SAP พัฒนาขึ้นเพื่อบริหารจัดการด้าน ESG โดยเฉพาะ ช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อข้อมูลจากระบบ SAP S/4HANA เพื่อติดตาม วิเคราะห์ ข้อมูลด้านความยั่งยืนขององค์กร และสร้างรายงานและสร้างรายงานตามมาตรฐานสากลได้อย่างรวดเร็วและครบวงจรยิ่งขึ้น
LISMA X เสริมประสิทธิภาพด้วย Microsoft Ecosystem การทำงานบน Microsoft Power Platform ช่วยให้ LISMA X ได้รับประโยชน์จากความปลอดภัยระดับองค์กร (Enterprise-grade security) การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงที่เข้มงวด ผู้ดูแลระบบสามารถ Disable บัญชีผู้ใช้ที่ลาออกได้ทันที และการแยกสภาพแวดล้อมการทำงานออกจากแอปพลิเคชันส่วนตัวอย่างชัดเจน
สำหรับกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งต้องมีการดำเนินการหลายขั้นตอนใน SAP หลังจากได้รับคำสั่งจากมือถือผ่าน LISMA X สามารถใช้ Power Automate เข้าไปจัดการขั้นตอนเหล่านั้นในระบบ SAP ให้โดยอัตโนมัติ เช่น การสร้างเอกสาร การปรับปรุงข้อมูล หรือการส่งข้อมูลต่อไปยังระบบอื่น
LISMA X ช่วยให้ข้อมูลที่อยู่ใน SAP สามารถถูกนำมาแสดงผล (Visualize) ผ่าน Dashboard ของ Power BI ได้อย่างสวยงาม เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้แบบเรียลไทม์ผ่านมือถือ ผู้บริหารสามารถติดตามตัวชี้วัด (KPIs) ด้าน ESG เช่น Carbon Footprint, ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง, จำนวนชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาของพนักงาน หรือข้อร้องเรียนจากคู่ค้า เพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
“หากเราพบว่ายอดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ผู้บริหารก็สามารถตรวจสอบลงลึกไปได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วยให้สามารถดำเนินการ (Take Action) ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”
Power Virtual Agents ทำหน้าที่เหมือนแชตบอท (Chatbot) ที่ติดตั้งอยู่บน Microsoft Teams เพื่อใช้โต้ตอบกับผู้ใช้งาน โดยแชตบอทนี้จะทำหน้าที่สื่อกลางในการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้งานและระบบ SAP
นอกจากนี้ LISMA X สามารถเชื่อมต่อกับ ChatGPT เวอร์ชันสำหรับองค์กร ( ChatGPT for Enterprise บน Microsoft Azure )ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและทำงานบนฐานข้อมูลขององค์กรลูกค้าเอง ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์คำถามเป็นภาษาธรรมชาติผ่าน LISMA X เพื่อสอบถามข้อมูลจากระบบ SAP เช่น “ขอรายงานสินค้าคงคลัง” ChatGPT จะแปลคำสั่งนี้เป็นคำสั่งทางเทคนิคของ SAP ดึงข้อมูล และนำเสนอผลลัพธ์กลับมาผ่านหน้าจอ LISMA X “เราจะไม่ใช้ ChatGPT เวอร์ชันสาธารณะ (Public Version)
“เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับประเด็นที่ข้อมูลขององค์กรลูกค้าจะต้องไม่รั่วไหลออกไปยังภายนอก”
นอกจากนี้ LISMAX ยังทำงานร่วมกับ Power Apps ใช้พัฒนาแอปพลิเคชัน (Application) ที่ต้องการเชื่อมต่อกับระบบ SAP โดย Power Apps สามารถรองรับการทำงานที่มีความซับซ้อนสูง แต่มีความยืดหยุ่นในการปรับแก้ในภายหลัง ผู้ใช้งานยังสามารถทำรายการต่าง ๆ บนระบบ SAP ได้จากอุปกรณ์มือถือที่ติดตั้ง Power Apps อาทิ การอนุมัติรายการต่าง ๆ สามารถปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลจากระยะไกลจากผู้ไม่มีสิทธิ์ (Remote User Termination) และบันทึกคำร้องขอลางาน เป็นต้น
จากการลดกระดาษสู่องค์กรที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
การนำ LISMA X มาปรับใช้ในองค์กรก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในหลายมิติ ได้แก่
ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) – LISMA X ช่วยลดการใช้กระดาษอย่างมีนัยสำคัญ จากการประเมินที่ผ่านมา พบว่า สามารถช่วยลูกค้าลดปริมาณการใช้กระดาษ A4 ได้มากถึง 300,000 แผ่นต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการอนุรักษ์ต้นไม้ 36 ต้นต่อปี จากการเปลี่ยนกระบวนการอนุมัติเอกสารจากกระดาษมาเป็นดิจิทัลผ่าน LISMA X นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้พลังงานและทรัพยากรที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิต การขนส่ง และการจัดเก็บกระดาษ
ด้านสังคม (Social) – LISMA X ยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงาน ช่วยให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความจำเป็นในการทำงานล่วงเวลา (OT) หรือการทำงานซ้ำซ้อน เช่น พนักงานขายสามารถบันทึกยอดขายผ่านมือถือได้ทันทีหลังพบลูกค้า ไม่ต้องกลับมาป้อนข้อมูลที่สำนักงาน การทำงานที่คล่องตัวขึ้นทำให้พนักงานมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น
ด้านธรรมาภิบาล (Governance) – LISMA X ช่วยให้กระบวนการทำงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกขั้นตอนการทำงานถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล (Digitize End-to-End) ทำให้มีข้อมูลที่ชัดเจน แม่นยำ ตรวจสอบย้อนหลังได้ และจัดเก็บอย่างถูกที่ถูกทาง ลดความผิดพลาดของข้อมูล
“การช่วยให้พนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้นโดยที่สามารถลดการใช้ทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรด้านแรงงานของตนเอง เวลา หรือการเดินทาง สิ่งเหล่านี้ก็สามารถคำนวณออกมาเป็นรายงานทางด้าน ESG ได้ทั้งหมด ผลลัพธ์ที่ได้คือการเพิ่มผลิตภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กร”
ประโยชน์หลักที่องค์กรจะได้รับจากการนำ LISMA X มาปรับใช้จึงมีหลายมิติ ตั้งแต่การปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานสากลด้านความยั่งยืนที่เข้มงวดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานผ่านการใช้ทรัพยากรที่ดีขึ้น การตัดสินใจทางธุรกิจที่เฉียบคมยิ่งขึ้นด้วยข้อมูลเชิงลึกด้านความยั่งยืนที่บูรณาการเข้ากับข้อมูลการดำเนินงาน ไปจนถึงการมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระดับที่กว้างขึ้น
สำหรับภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยและในระดับภูมิภาค เครื่องมือเช่น LISMA X สามารถช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานความยั่งยืนทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับสากล ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับประเด็น ESG มากขึ้น การที่องค์กรจำนวนมากซึ่งใช้ระบบ SAP เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ สามารถบริหารจัดการและรายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนได้ง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้นผ่าน LISMA X จะส่งผลให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างต่อผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมโดยรวม สิ่งนี้ยกระดับจากการเป็นเพียงความรับผิดชอบของแต่ละองค์กรไปสู่การมีส่วนร่วมในการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนระดับชาติและระดับโลก
อนาคตของ LISMA X และเส้นทางสู่ความยั่งยืน
Bluebik ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนพัฒนา LISMA X เวอร์ชันที่จะทำงานบนแพลตฟอร์มของ Bluebik เอง เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าที่ไม่ได้ใช้งาน Microsoft Platform และต้องการโซลูชันที่มีความปลอดภัยสูงและควบคุมได้อย่างสมบูรณ์
การเดินทางสู่ความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยเครื่องมือที่ทรงพลังอย่าง LISMA X และความเชี่ยวชาญของ Bluebik องค์กรไทยสามารถเปลี่ยนผ่านสู่การดำเนินงานที่สอดคล้องกับ ESG พร้อมทั้งเสริมสร้างประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันในโลกธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก The Story Thailand
http://thestorythailand.com/19/05/2025/153577/