SMEs ไทยควรเลือกใช้ AI อย่างไรให้อยู่รอดและสามารถต่อยอดไปสู่โอกาสใหม่ๆ ในอนาคต
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งจากข้อจำกัดด้านเงินทุนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว และความ ‘ช้า’ ในการลงทุนด้านดิจิทัลโดยเฉพาะกับเทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นโอกาสทองที่ไม่ควรมองข้าม

โอกาสนี้ คุณพชร อารยะการกุล CEO บลูบิค กรุ๊ป จึงได้แชร์แนวทางการใช้ AI สำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะ ภายในงาน SMEs Navigator to Tech-Driven Growth: ขับเคลื่อนSMEs ต่อยอดธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดย SCB KX เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถใช้ AI มา Optimize และเพิ่ม Productivity ในธุรกิจ พร้อมกับเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต
ประเด็นสำคัญทั้งหมดจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปอ่านกัน
ความท้าทายและโอกาสของ SMEs ไทย
- ความท้าทาย: SMEs มีข้อจำกัดด้านเงินทุนในการลงทุนเทคโนโลยีซึ่งแตกต่างองค์กรขนาดใหญ่ และจำเป็นต้องโฟกัสที่การอยู่รอดในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้บางคนยังลังเลที่จะลงทุนกับเทคโนโลยี
- โอกาส: SMEs ไม่มีภาระจากระบบเก่าหรือเทคโนโลยีเก่าเหมือนองค์กรขนาดใหญ่ ดังนั้น SMEs ซึ่งอาจยังไม่ได้ลงทุนในเทคโนโลยีหรือระบบใหญ่ๆ มาก่อน สามารถก้าวข้ามไปใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดได้เลย
Digital Transformation: การเปลี่ยนแปลงสู่ยุค ‘Digital First’
- Digital Life: เทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนชีวิตผู้คน ทุกคนใช้ชีวิตหรือดำเนินธุรกิจผ่านโลกดิจิทัลกันเป็นเรื่องปกติ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ยังมีอีกหลายบริการที่จะสามารถขึ้นมาอยู่บนโลกดิจิทัลได้อีก
- Digital Native: คนเจเนอเรชั่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเติบโตขึ้นเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่สุดรุ่นถัดไป เรียกได้ว่าเป็น Digital Native ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีดิจิทัลตั้งแต่เด็กๆ และเลือกใช้ช่องทางดิจิทัลเป็นหลักในการเข้าถึงบริการต่างๆ
- Digital First: คนรุ่น Digital Native กำลังจะกลายเป็นกำลังสำคัญของทุกๆ องค์กร เทคโนโลยีจะเข้ามาอยู่ในทุกกระบวนการทำงาน ดังนั้นสิ่งที่เกี่ยวกับดิจิทัลจะกลายเป็นงานหลัก เป็น Core Business เครื่องมือดิจิทัลจะเข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการได้เสมอ ทำให้ทุกธุรกิจต้องเริ่มวางแผนในการเปลี่ยนตัวเองเป็น ‘Digital First Organization’
Mindset และทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้นำ SMEs ยุค AI
- ใช้ AI เพื่อสร้าง Impact: เทคโนโลยีไม่ใช่เพียงเรื่องของฝ่าย IT เจ้าของกิจการที่เป็นคนรู้ภาพรวมของธุรกิจก็จำเป็นต้องทดลองใช้เทคโนโลยีด้วยตัวเอง เพื่อทำความเข้าใจและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ เพราะ Impact ไม่ได้เกิดขึ้นจากความสามารถของเทคโนโลยี แต่เกิดจากความสามารถในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้ตรงกับจุดสำคัญของธุรกิจ
- ใช้ AI เพื่อเพิ่ม Productivity ให้ตัวเอง: ผู้นำองค์กรสามารถใช้งาน AI เพื่อลดเวลาในการทำงานบางอย่างเช่น การเขียนอีเมล สรุปรายงาน หรือวิเคราะห์ข้อมูล แล้วใช้เวลาในงานสำคัญอื่นๆ แทน อีกทั้งเมื่อเกิดความเข้าใจแล้วจะสามารถนำไปขยายผลและสั่งการทีมงานในการประยุกต์ใช้ AI ให้ถูกจุดได้
- เน้น Quick Win ก่อน Big Win: หาวิธีทดลองให้ประหยัดต้นทุนและเร็วที่สุด และมุ่งเน้นที่ Quick Win หรืองานสเกลเล็กแต่สร้าง Impact ในระดับหนึ่ง แทนที่จะมุ่งเป้าไปที่ Big Win หรือการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในคราวเดียวแล้วสร้าง Impact หลายๆ เท่า ซึ่งเป็นไปได้ยากและใช้เวลานาน
แนวทางการใช้ AI สำหรับธุรกิจ SME
- ใช้ AI ให้ถูกจุด: หาให้เจอว่าจุดสำคัญของธุรกิจคืออะไร บางธุรกิจอาจจะเป็นเรื่องการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง หรือบางธุรกิจอาจเป็นเรื่อง Customer Experience บางธุรกิจอาจเป็นเรื่องการลดต้นทุน จากนั้นเลือกใช้ AI ที่เหมาะกับธุรกิจตัวเองเข้ามาช่วยพัฒนาหรือแก้ปัญหา
- ใช้ AI ในการทำ Growth Hacking: เช่นการทำ Content Generation สำหรับสื่อสารผ่านช่องทางดิจิตัลกับลูกค้า ยิ่งทำคอนเทนต์ตอบสนองต่อตลาดได้เร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากเท่านั้น
- Optimize ประสิทธิภาพการสื่อสาร: ใช้ AI เพื่อเช่นสร้างโฆษณา ก๊อปปี้ รูปภาพ วิดิโอ หรือแคมเปญที่ตอบโจทย์ในต้นทุนที่น้อยลง หรือ Generate คอนเทนต์ภาษาใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ และสามารถทำ A-B Testing เพื่อหาตัวเลือกที่ใช่ที่สุด
- เจาะช่องว่างใหญ่ของตลาด นั่นคือ Segment เล็กๆ: ขณะที่องค์กรใหญ่ไม่สามารถมุ่งเป้าไปที่ลูกค้ากลุ่มเล็กๆ ได้ นั่นจึงกลายเป็นโอกาสสำหรับ SMEs การใช้ AI เข้ามาช่วยระบุกลุ่มลูกค้าเล็กๆ และสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- ประยุกต์ใช้ AI สำหรับงานหลังบ้าน: ใช้ Agentic AI หรือการสร้าง AI เพื่อเป็นเอเจนท์สำหรับบางงานแทนคน หรือทำ Workflow Automation เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินการ เช่น การคัดกรองเรซูเม่ หรือการจัดการตารางนัดหมาย
หัวใจสำคัญในการ AI อย่างชาญฉลาด
- เข้าใจข้อจำกัดของโมเดลภาษา: เช่น ปัญหา Hallucination หรือการสร้างข้อมูลผิดๆ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลเสมอ
- มีความเข้าใจในการใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพ: เรียนรู้การ Prompt คำสั่งที่ดี มีคำถามที่เฉพาะเจาะจง และอาศัยความรู้เฉพาะด้านของธุรกิจ (Domain Knowledge) เพื่อให้ได้อินไซต์ที่ลึกกว่า
- ใช้ Data เพื่อสร้างความได้เปรียบ: หากใช้ Prompt คล้ายๆ กัน ทุกเจ้าย่อมได้คำตอบคล้ายๆ กัน แต่การมีข้อมูลเฉพาะทางที่คนอื่นไม่มี เช่นที่ผ่านมาต้นทุนเราเป็นอย่างไร เราขายอะไรได้เยอะ ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เมื่อนำไปใช้ร่วมกับ AI
- เก็บ Structured Data: หากยังไม่มีระบบจัดเก็บข้อมูล อย่างน้อย SMEs ควรมุ่งเน้นการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลก่อน และควรเป็นข้อมูลแบบ Structured หรือเก็บเป็นตารางเพื่อให้ AI ใช้งานง่ายขึ้น
เทคโนโลยีอื่นๆ ที่จะมีบทบาทสำคัญ
- Cloud: ช่วยลดการลงทุนฮาร์ดแวร์ที่มีต้นทุนสูง เปลี่ยนเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน รายชั่วโมง หรือรายนาที ช่วยให้บริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้น สามารถขยายหรือลดการใช้งานได้ตามความจำเป็นทางธุรกิจ
บทบาทของภาครัฐในการสนับสนุน SMEs เพื่อให้ใช้งาน AI ได้ดีขึ้น
- การเข้าถึงเทคโนโลยี: สนับสนุน SMEs ในการเข้าถึงเทคโนโลยีผ่านทุนสนับสนุน สิทธิประโยชน์ หรือบริการ AI พื้นฐานฟรี
- การให้ความรู้: พัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและ AI Literacy ให้กับบุคลากรทุกกลุ่ม เพื่อให้รอดในยุคที่กำลังถูก Disrupt
- การกำกับดูแล: ควบคุมแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ (ต่างชาติ) เพื่อป้องกันการเอาเปรียบ SMEs และสร้างสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรม