จาก “ความเร็ว” สู่ “ความยั่งยืน” บทเรียนที่ธุรกิจยุคใหม่ต้องรู้

ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา องค์กรทั่วโลกเร่งลงทุนในโครงการดิจิทัลสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันผ่านความเร็ว (Speed to Market) แต่ผลลัพธ์ในปัจจุบันกำลังเผยให้เห็นว่า “เร็วอย่างเดียวไม่พอ” หากระบบไม่สามารถ ขยายผล (Scale) และบูรณาการ (Integrate) เข้ากับธุรกิจหลักและพันธมิตรได้อย่างแท้จริง เพราะโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Post-Digital ที่เทคโนโลยีกลายเป็น มาตรฐาน (Baseline) ที่ธุรกิจต้องมี ความสำเร็จจึงขึ้นอยู่กับการเชื่อมโยง การสร้างความแตกต่าง และการยกระดับคุณค่าทางธุรกิจในระยะยาว — จาก “ความเร็ว” สู่ “ความยั่งยืน”
การ์ทเนอร์ (Gartner) คาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2570 กว่า 80% ของประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสารสนเทศ (CIO) จะมีตัวชี้วัดผลงาน (Performance Metrics) ที่ผูกกับ ความยั่งยืนขององค์กรด้าน IT ขณะที่ IDC FutureScape 2025 คาดว่า ภายในปี พ.ศ. 2569 กว่าครึ่งหนึ่งของผู้นำด้านเทคโนโลยีจะถูกยกระดับให้ทำหน้าที่เป็น ผู้นำธุรกิจ (Business Leaders) ไปพร้อมกัน โดยต้องสามารถเชื่อมโยงบุคลากร การดำเนินงาน และรูปแบบธุรกิจเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างแท้จริง
แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่า ในยุค Post-Digital องค์กรจำเป็นต้องมี สถาปัตยกรรมดิจิทัล (Digital Architecture) ที่มีเสถียรภาพ สามารถเชื่อมโยงการทำงานได้จริง สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งาน และรองรับการขยายตัวในระยะยาว เพื่อยกระดับเทคโนโลยีจาก “เครื่องมือสนับสนุน” ไปสู่ “โครงสร้างหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจระยะยาว
ต้นทุนแฝงจากการเปลี่ยนผ่านที่ไม่ยั่งยืน
องค์กรที่ไม่สามารถขับเคลื่อน Digital Transformation ได้อย่างต่อเนื่อง มักเผชิญกับ ต้นทุนแฝง (Hidden Costs) และความเสี่ยงใน 4 มิติหลัก ดังต่อไปนี้

1. การลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าธุรกิจในระยะยาว
- เงินลงทุนที่สูญเปล่าจากโครงการ Proof of Concept (PoC) ที่ไม่ถูกนำไปใช้จริง
- การกระจายงบประมาณไปกับโครงการ Showcase Project มากเกินไป
- สูญเสียโอกาสในการลงทุนโครงสร้างดิจิทัลที่รองรับการเติบโต
2. ระบบแยกส่วน (Digital Silos) บั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน
- ข้อมูลทำงานแยกส่วน ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ → เกิดข้อมูลซ้ำซ้อนและผลลัพธ์ผิดพลาด
- ทรัพยากรและงบประมาณถูกใช้ซ้ำโดยไม่จำเป็น
- ไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กรในระดับทั้งองค์กร (Enterprise-Wide Productivity)
3.ผลกระทบต่อการพัฒนาทักษะบุคลากร
- บุคลากรไม่มีโอกาสเรียนรู้ทักษะใหม่ เช่น การใช้ AI การคิดเชิงระบบ และการใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ เป็นต้น
- เกิดช่องว่างทักษะ (Skill Gap) ที่ทำให้พนักงานไม่พร้อมแข่งขัน
- ต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนในการ Reskill และ Recruit
4.ขีดความสามารถในการแข่งขันถดถอย
- ไม่สามารถตอบสนองมาตรฐานหรือกฎระเบียบใหม่ ๆ รวมถึงข้อกำหนดด้าน ESG
- สูญเสียส่วนแบ่งตลาด (Market Share) จากการตอบสนองลูกค้าช้ากว่าคู่แข่ง
- ถูกลดบทบาทในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก
Agenda ใหม่สำหรับธุรกิจไทย
ภาคธุรกิจไทยสามารถก้าวตามกระแสโลกได้ ด้วยการยึดแนวทาง การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Digital Transformation ที่ให้ความสำคัญตั้งแต่การวางกลยุทธ์ ออกแบบ และพัฒนาที่ครอบคลุม ข้อมูล (Data), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity) และ ระบบธุรกิจหลัก (Core Business Systems) ภายใต้กรอบการกำกับดูแลและการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลระหว่าง การปฏิบัติตามข้อกำหนด (Compliance), การขยายตัว (Scalability) และ การสร้างคุณค่าทางธุรกิจ (Business Value) ในระยะยาว

ตัวอย่างในบริบทไทย
ปัจจุบันหลายอุตสาหกรรมเริ่มขยับสู่การใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ
- ธนาคาร ที่เตรียมเปิดตัว Virtual Bank ลงทุนใน AI-Driven Cybersecurity และ Data Governance เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับของธนาคารแห่งประเทศไทย
- โรงพยาบาลและเครือข่ายในหลายจังหวัดกำลังปรับใช้ ERP และ Data Platform เพื่อรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยและการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA
- ผู้ประกอบการค้าปลีกและโลจิสติกส์ ใช้ AI และ Cloud-Native Applications บริหาร Omnichannel และเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน
กรณีเหล่านี้สะท้อนว่า องค์กรไทยกำลังอยู่ใน “ช่วงต้น” ของการเปลี่ยนผ่าน แต่เพื่อให้การลงทุนไม่หยุดอยู่แค่ Technology Adoption องค์กรจำเป็นต้องต่อยอดไปสู่ Sustainable Digital Transformation ที่บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจ บุคลากร และการกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง
5+1 องค์ประกอบสำคัญของ Sustainable Digital Transformation
การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนต้องการมากกว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยี บลูบิคจึงพัฒนาโมเดล 5+1 องค์ประกอบสำคัญของ Sustainable Digital Transformation เป็นกรอบในการสร้างผลลัพธ์ที่ขยายผลได้จริง

1. การยกระดับการตัดสินใจด้วยข้อมูล (Data & Analytics – Truth Layer)
- Insight: องค์กรไทยส่วนใหญ่ยังติดกับดัก Inconsistent Reports และ Data Silos ที่ทำให้การตัดสินใจล่าช้าจนถึงผิดพลาด
- แนวทาง: วาง Data Lakehouse และ Data Governance เพื่อสร้าง Single Source of Truth พร้อมเชื่อมข้อมูลแบบ Real-time Analytics
- Value: การตัดสินใจเร็วและแม่นขึ้น ลด Opportunity Loss พร้อมปูทางสู่การใช้ AI เชิงกลยุทธ์
2. การสร้างคุณค่าธุรกิจใหม่ด้วย AI (AI Transformation – Intelligence Layer)
- Insight: โครงการ AI ในไทยจำนวนมากยังอยู่ในระดับ Proof of Concept (PoC)
- แนวทาง: ทำให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของ Value Chain เช่น การใช้ Generative AI, Multi-Agent Systems, และ MLOps เพื่อทำให้โมเดล AI มีวงจรชีวิตยั่งยืน เป็นต้น
- Value: AI ที่บูรณาการเข้าธุรกิจจริง = ลด Human Error, เปิด New S-Curve, และสร้าง ROI ที่วัดผลได้
3. การส่งมอบระบบดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและปลอดภัย (Digital Excellence Delivery – Execution Layer)
- Insight: หลายองค์กรไทยเผชิญ Technical Debt จากระบบเก่า ทำให้ Time-to-Market ช้าและต้นทุนสูง
- แนวทาง: ใช้ Microservices, API-First Architecture และ DevSecOps เพื่อสร้างระบบที่ Agile, Modular และ Secure by Design
- Value: ไม่ใช่แค่ “เร็วขึ้น” แต่ยืดหยุ่นและรองรับธุรกิจ/เทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยไม่ต้องรื้อระบบใหญ่
4. การสร้างความเชื่อมั่นด้วย (Cybersecurity – Trust Layer)
- Insight: Cybersecurity กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญของการดำเนินธุรกิจบนโลกออนไลน์
- แนวทาง: ออกแบบ Zero Trust Architecture, ใช้ AI-driven Monitoring และ DLP ที่สอดคล้องกับกฎหมายไทย เช่น PDPA เป็นต้น
- Value: ความปลอดภัยที่พิสูจน์ได้ = ความเชื่อมั่นจากลูกค้า นักลงทุน และผู้กำกับดูแล
5. เร่งการยอมรับด้วยประสบการณ์ที่ใช้งานจริง (Experience Design – Adoption Layer)
- Insight: เหตุผลหลักที่ Digital Transformation ล้มเหลว คือ Low Adoption
- แนวทาง: ใช้ Human-Centered Design, User Journey Mapping, Usability Testing เชื่อมกับ Business KPI
- Value: เพิ่มอัตราการปรับใช้เทคโนโลยี (Adoption Rate) และสร้าง Change Momentum ที่ทำให้โครงการไม่สะดุด
+1. การกำกับและการเปลี่ยนแปลง (Governance & Change Management – Overlay Layer)
- Insight: หลายองค์กรไทยยังขาด Digital PMO ที่ชัดเจน → โครงการหยุดชะงักกลางทาง
- แนวทาง: ใช้ Governance Framework ที่รวม ROI Tracking, Change Management Program และ Workforce Reskilling อย่างต่อเนื่อง
- Value: สิ่งนี้คือ “ตัวแปรความต่าง” ระหว่างองค์กรที่สำเร็จเป็นครั้งคราว กับองค์กรที่ทรานส์ฟอร์มได้อย่างยั่งยืน
วาระสำคัญของผู้บริหารระดับสูง ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน
แม้การทำ Sustainable Digital Transformation ไม่สามารถขับเคลื่อนโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องนำโดย C-Suite ที่ผนึกกำลังทั้งเชิงกลยุทธ์ การเงิน เทคโนโลยี และบุคลากร ซึ่งบทบาทของผู้บริหารหลักมีดังนี้

👩💼 CEO (กลยุทธ์และทิศทางธุรกิจ)
- ยกระดับ Digital Transformation จาก “โครงการ IT” ไปสู่ Core Business Agenda
- เชื่อมโยงกลยุทธ์ดิจิทัลเข้ากับ ESG และ ความโปร่งใส ที่ตลาดทุนไทย (SET) หรืออุตสาหกรรมให้ความสำคัญ
- สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง
👨💻 CIO (เทคโนโลยีและนวัตกรรม)
- ก้าวข้ามกับดักโครงการนำร่อง (Pilot Trap) ด้วยการออกแบบ Digital Architecture ที่รองรับการขยายผล
- สร้าง Data Foundation และ AI-driven Capabilities ที่ต่อยอดเป็น Business Value ได้จริง
- พิสูจน์ ROI ของเทคโนโลยีด้วยตัวชี้วัดเชื่อมโยงกับเป้าหมายทางธุรกิจ
👨💼 CFO (การเงินและความยั่งยืนของการลงทุน)
- เปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับ “การควบคุมต้นทุน” เป็นหลัก สู่การ ลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อศักยภาพระยะยาว
- ป้องกันต้นทุนจม (Sunk Cost) จากโครงการ PoC ที่ไม่ถูกนำไปใช้จริง
- สร้างโมเดลการเงินที่สะท้อนผลตอบแทนจากดิจิทัลและ ESG ในมิติที่นักลงทุนจับต้องได้
👩🎓 CHRO (บุคลากรและการเปลี่ยนแปลงองค์กร)
- เร่ง Reskill และ Upskill บุคลากร โดยเฉพาะทักษะด้าน ดิจิทัล, AI และ Data
- สร้าง Change Adoption Program ที่ทำให้บุคลากรทุกระดับเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยี
- วางกลยุทธ์การบริหารคนเพื่อสร้างบุคลากรที่พร้อมแข่งขันในเศรษฐกิจไร้พรมแดน
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า Digital Transformation ไม่ใช่เพียงการลงทุนด้านเทคโนโลยี แต่คือการกำหนดทิศทางอนาคตขององค์กร หากสามารถสร้างความยั่งยืนได้ตั้งแต่วันนี้ ผลลัพธ์จะไม่เพียงตอบโจทย์ระยะสั้น แต่จะกลายเป็นรากฐานของความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว
บลูบิค พร้อมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การกำหนดกลยุทธ์ ออกแบบสถาปัตยกรรม ไปจนถึงการบูรณาการเทคโนโลยีและบุคลากร เพื่อสร้างคุณค่าที่ต่อเนื่องและขยายผลได้จริง
📩 ติดต่อ Bluebik วันนี้ เพื่อเริ่มต้นการเดินทางสู่ Sustainable Digital Transformation ขององค์กรคุณ
✉ [email protected] | ☎ 02-636-7011