Sustainability

Sustainable Digital Transformaiotn: เงื่อนไขความสำเร็จทางธุรกิจยุค Post-Digital 

ปลดล็อกศักยภาพ ปูทางสู่การเปลี่ยนผ่านให้ธุรกิจแบบไร้รอยต่อในระยะยาวด้วย Sustainable Digital Transformation

21 ตุลาคม 2568

By Bluebik

3 Mins Read

จาก “ความเร็ว” สู่ “ความยั่งยืน” บทเรียนที่ธุรกิจยุคใหม่ต้องรู้ 

ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา องค์กรทั่วโลกเร่งลงทุนในโครงการดิจิทัลสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันผ่านความเร็ว (Speed to Market) แต่ผลลัพธ์ในปัจจุบันกำลังเผยให้เห็นว่า “เร็วอย่างเดียวไม่พอ” หากระบบไม่สามารถ ขยายผล (Scale) และบูรณาการ (Integrate) เข้ากับธุรกิจหลักและพันธมิตรได้อย่างแท้จริง เพราะโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Post-Digital ที่เทคโนโลยีกลายเป็น มาตรฐาน (Baseline) ที่ธุรกิจต้องมี ความสำเร็จจึงขึ้นอยู่กับการเชื่อมโยง การสร้างความแตกต่าง และการยกระดับคุณค่าทางธุรกิจในระยะยาว — จาก “ความเร็ว” สู่ “ความยั่งยืน”

การ์ทเนอร์ (Gartner) คาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2570 กว่า 80% ของประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสารสนเทศ (CIO) จะมีตัวชี้วัดผลงาน (Performance Metrics) ที่ผูกกับ ความยั่งยืนขององค์กรด้าน IT ขณะที่ IDC FutureScape 2025 คาดว่า ภายในปี พ.ศ. 2569 กว่าครึ่งหนึ่งของผู้นำด้านเทคโนโลยีจะถูกยกระดับให้ทำหน้าที่เป็น ผู้นำธุรกิจ (Business Leaders) ไปพร้อมกัน โดยต้องสามารถเชื่อมโยงบุคลากร การดำเนินงาน และรูปแบบธุรกิจเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างแท้จริง 

แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่า ในยุค Post-Digital องค์กรจำเป็นต้องมี สถาปัตยกรรมดิจิทัล (Digital Architecture) ที่มีเสถียรภาพ สามารถเชื่อมโยงการทำงานได้จริง สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งาน และรองรับการขยายตัวในระยะยาว เพื่อยกระดับเทคโนโลยีจาก “เครื่องมือสนับสนุน” ไปสู่ “โครงสร้างหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจระยะยาว 

ต้นทุนแฝงจากการเปลี่ยนผ่านที่ไม่ยั่งยืน 

องค์กรที่ไม่สามารถขับเคลื่อน Digital Transformation ได้อย่างต่อเนื่อง มักเผชิญกับ ต้นทุนแฝง (Hidden Costs) และความเสี่ยงใน 4 มิติหลัก ดังต่อไปนี้ 

1. การลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าธุรกิจในระยะยาว 
  • เงินลงทุนที่สูญเปล่าจากโครงการ Proof of Concept (PoC) ที่ไม่ถูกนำไปใช้จริง 
  • การกระจายงบประมาณไปกับโครงการ Showcase Project มากเกินไป 
  • สูญเสียโอกาสในการลงทุนโครงสร้างดิจิทัลที่รองรับการเติบโต 
2. ระบบแยกส่วน (Digital Silos) บั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน 
  • ข้อมูลทำงานแยกส่วน ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ → เกิดข้อมูลซ้ำซ้อนและผลลัพธ์ผิดพลาด 
  • ทรัพยากรและงบประมาณถูกใช้ซ้ำโดยไม่จำเป็น 
  • ไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กรในระดับทั้งองค์กร (Enterprise-Wide Productivity) 
3.ผลกระทบต่อการพัฒนาทักษะบุคลากร 
  • บุคลากรไม่มีโอกาสเรียนรู้ทักษะใหม่ เช่น การใช้ AI การคิดเชิงระบบ และการใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ เป็นต้น 
  • เกิดช่องว่างทักษะ (Skill Gap) ที่ทำให้พนักงานไม่พร้อมแข่งขัน 
  • ต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนในการ Reskill และ Recruit 
4.ขีดความสามารถในการแข่งขันถดถอย 
  • ไม่สามารถตอบสนองมาตรฐานหรือกฎระเบียบใหม่ ๆ รวมถึงข้อกำหนดด้าน ESG 
  • สูญเสียส่วนแบ่งตลาด (Market Share) จากการตอบสนองลูกค้าช้ากว่าคู่แข่ง 
  • ถูกลดบทบาทในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก 

Agenda ใหม่สำหรับธุรกิจไทย 

ภาคธุรกิจไทยสามารถก้าวตามกระแสโลกได้ ด้วยการยึดแนวทาง การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Digital Transformation ที่ให้ความสำคัญตั้งแต่การวางกลยุทธ์ ออกแบบ และพัฒนาที่ครอบคลุม ข้อมูล (Data), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity) และ ระบบธุรกิจหลัก (Core Business Systems) ภายใต้กรอบการกำกับดูแลและการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลระหว่าง การปฏิบัติตามข้อกำหนด (Compliance), การขยายตัว (Scalability) และ การสร้างคุณค่าทางธุรกิจ (Business Value) ในระยะยาว 

ตัวอย่างในบริบทไทย 

ปัจจุบันหลายอุตสาหกรรมเริ่มขยับสู่การใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ

  • ธนาคาร ที่เตรียมเปิดตัว Virtual Bank ลงทุนใน AI-Driven Cybersecurity และ Data Governance เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับของธนาคารแห่งประเทศไทย 
  • โรงพยาบาลและเครือข่ายในหลายจังหวัดกำลังปรับใช้ ERP และ Data Platform เพื่อรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยและการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA 
  • ผู้ประกอบการค้าปลีกและโลจิสติกส์ ใช้ AI และ Cloud-Native Applications บริหาร Omnichannel และเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน 

กรณีเหล่านี้สะท้อนว่า องค์กรไทยกำลังอยู่ใน “ช่วงต้น” ของการเปลี่ยนผ่าน แต่เพื่อให้การลงทุนไม่หยุดอยู่แค่ Technology Adoption องค์กรจำเป็นต้องต่อยอดไปสู่ Sustainable Digital Transformation ที่บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจ บุคลากร และการกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง 

5+1 องค์ประกอบสำคัญของ Sustainable Digital Transformation 

การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนต้องการมากกว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยี บลูบิคจึงพัฒนาโมเดล 5+1 องค์ประกอบสำคัญของ Sustainable Digital Transformation เป็นกรอบในการสร้างผลลัพธ์ที่ขยายผลได้จริง 

1. การยกระดับการตัดสินใจด้วยข้อมูล (Data & Analytics – Truth Layer) 
  • Insight: องค์กรไทยส่วนใหญ่ยังติดกับดัก Inconsistent Reports และ Data Silos ที่ทำให้การตัดสินใจล่าช้าจนถึงผิดพลาด 
  • แนวทาง: วาง Data Lakehouse และ Data Governance เพื่อสร้าง Single Source of Truth พร้อมเชื่อมข้อมูลแบบ Real-time Analytics 
  • Value: การตัดสินใจเร็วและแม่นขึ้น ลด Opportunity Loss พร้อมปูทางสู่การใช้ AI เชิงกลยุทธ์ 
2. การสร้างคุณค่าธุรกิจใหม่ด้วย AI (AI Transformation – Intelligence Layer) 
  • Insight: โครงการ AI ในไทยจำนวนมากยังอยู่ในระดับ Proof of Concept (PoC) 
  • แนวทาง: ทำให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของ Value Chain เช่น การใช้ Generative AI, Multi-Agent Systems, และ MLOps เพื่อทำให้โมเดล AI มีวงจรชีวิตยั่งยืน เป็นต้น 
  • Value: AI ที่บูรณาการเข้าธุรกิจจริง = ลด Human Error, เปิด New S-Curve, และสร้าง ROI ที่วัดผลได้ 
3. การส่งมอบระบบดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและปลอดภัย (Digital Excellence Delivery – Execution Layer) 
  • Insight: หลายองค์กรไทยเผชิญ Technical Debt จากระบบเก่า ทำให้ Time-to-Market ช้าและต้นทุนสูง 
  • แนวทาง: ใช้ Microservices, API-First Architecture และ DevSecOps เพื่อสร้างระบบที่ Agile, Modular และ Secure by Design 
  • Value: ไม่ใช่แค่ “เร็วขึ้น” แต่ยืดหยุ่นและรองรับธุรกิจ/เทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยไม่ต้องรื้อระบบใหญ่ 
4. การสร้างความเชื่อมั่นด้วย (Cybersecurity – Trust Layer) 
  • Insight: Cybersecurity กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญของการดำเนินธุรกิจบนโลกออนไลน์  
  • แนวทาง: ออกแบบ Zero Trust Architecture, ใช้ AI-driven Monitoring และ DLP ที่สอดคล้องกับกฎหมายไทย เช่น PDPA เป็นต้น 
  • Value: ความปลอดภัยที่พิสูจน์ได้ = ความเชื่อมั่นจากลูกค้า นักลงทุน และผู้กำกับดูแล 

5. เร่งการยอมรับด้วยประสบการณ์ที่ใช้งานจริง (Experience Design – Adoption Layer) 

  • Insight: เหตุผลหลักที่ Digital Transformation ล้มเหลว คือ Low Adoption 
  • แนวทาง: ใช้ Human-Centered Design, User Journey Mapping, Usability Testing เชื่อมกับ Business KPI 
  • Value: เพิ่มอัตราการปรับใช้เทคโนโลยี (Adoption Rate) และสร้าง Change Momentum ที่ทำให้โครงการไม่สะดุด 
+1. การกำกับและการเปลี่ยนแปลง (Governance & Change Management – Overlay Layer) 
  • Insight: หลายองค์กรไทยยังขาด Digital PMO ที่ชัดเจน → โครงการหยุดชะงักกลางทาง 
  • แนวทาง: ใช้ Governance Framework ที่รวม ROI Tracking, Change Management Program และ Workforce Reskilling อย่างต่อเนื่อง 
  • Value: สิ่งนี้คือ “ตัวแปรความต่าง” ระหว่างองค์กรที่สำเร็จเป็นครั้งคราว กับองค์กรที่ทรานส์ฟอร์มได้อย่างยั่งยืน 

วาระสำคัญของผู้บริหารระดับสูง ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน 

แม้การทำ Sustainable Digital Transformation ไม่สามารถขับเคลื่อนโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องนำโดย C-Suite ที่ผนึกกำลังทั้งเชิงกลยุทธ์ การเงิน เทคโนโลยี และบุคลากร  ซึ่งบทบาทของผู้บริหารหลักมีดังนี้ 

👩‍💼 CEO (กลยุทธ์และทิศทางธุรกิจ) 
  • ยกระดับ Digital Transformation จาก “โครงการ IT” ไปสู่ Core Business Agenda 
  • เชื่อมโยงกลยุทธ์ดิจิทัลเข้ากับ ESG และ ความโปร่งใส ที่ตลาดทุนไทย (SET) หรืออุตสาหกรรมให้ความสำคัญ 
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง 
👨‍💻 CIO (เทคโนโลยีและนวัตกรรม) 
  • ก้าวข้ามกับดักโครงการนำร่อง (Pilot Trap) ด้วยการออกแบบ Digital Architecture ที่รองรับการขยายผล 
  • สร้าง Data Foundation และ AI-driven Capabilities ที่ต่อยอดเป็น Business Value ได้จริง 
  • พิสูจน์ ROI ของเทคโนโลยีด้วยตัวชี้วัดเชื่อมโยงกับเป้าหมายทางธุรกิจ 
👨‍💼 CFO (การเงินและความยั่งยืนของการลงทุน) 
  • เปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับ “การควบคุมต้นทุน” เป็นหลัก สู่การ ลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อศักยภาพระยะยาว 
  • ป้องกันต้นทุนจม (Sunk Cost) จากโครงการ PoC ที่ไม่ถูกนำไปใช้จริง 
  • สร้างโมเดลการเงินที่สะท้อนผลตอบแทนจากดิจิทัลและ ESG ในมิติที่นักลงทุนจับต้องได้ 
👩‍🎓 CHRO (บุคลากรและการเปลี่ยนแปลงองค์กร) 
  • เร่ง Reskill และ Upskill บุคลากร โดยเฉพาะทักษะด้าน ดิจิทัล, AI และ Data 
  • สร้าง Change Adoption Program ที่ทำให้บุคลากรทุกระดับเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยี 
  • วางกลยุทธ์การบริหารคนเพื่อสร้างบุคลากรที่พร้อมแข่งขันในเศรษฐกิจไร้พรมแดน 

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า Digital Transformation ไม่ใช่เพียงการลงทุนด้านเทคโนโลยี แต่คือการกำหนดทิศทางอนาคตขององค์กร หากสามารถสร้างความยั่งยืนได้ตั้งแต่วันนี้ ผลลัพธ์จะไม่เพียงตอบโจทย์ระยะสั้น แต่จะกลายเป็นรากฐานของความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว 

บลูบิค พร้อมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การกำหนดกลยุทธ์ ออกแบบสถาปัตยกรรม ไปจนถึงการบูรณาการเทคโนโลยีและบุคลากร เพื่อสร้างคุณค่าที่ต่อเนื่องและขยายผลได้จริง 

📩 ติดต่อ Bluebik วันนี้ เพื่อเริ่มต้นการเดินทางสู่ Sustainable Digital Transformation ขององค์กรคุณ 
[email protected] | ☎ 02-636-7011 

21 ตุลาคม 2568

By Bluebik