Meet the Team

Wonder Moms แห่ง Bluebik: แม่ในชีวิตจริง เวิร์คได้ทุกบทบาท ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

ชวน Wonder Moms แห่ง Bluebik มาเล่าถึงบทเรียนที่นำมาปรับใช้ในการทำงานจากการเลี้ยงลูกและพลังของทีมที่ทำให้พวกเธอสามารถบาลานซ์ทั้งชีวิตและงานได้อย่างเต็มที่ อ่านเรื่องราวที่สุดจริงใจและทรงพลังของพวกเธอได้เลย

11 สิงหาคม 2568

By Bluebik

3 Mins Read

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ผู้หญิงหลายคนกำลังสวมบทบาทมากกว่าที่เคย “แม่” ไม่ได้เป็นเพียงผู้ดูแลครอบครัว แต่ยังเป็นผู้นำ นักวางแผน นักเจรจา และผู้สร้างแรงบันดาลใจในเวลาเดียวกัน 

‘Wonder Moms’ ของ Bluebik คือภาพแทนของผู้หญิงยุคใหม่ที่ผสานระหว่างความอ่อนโยนและความแข็งแกร่ง ทำงานได้อย่างมืออาชีพ พร้อมดูแลลูกน้อยด้วยหัวใจเต็มร้อย 

ในโอกาสวันแม่ปี 2568 นี้ เราชวนคุณมาร่วมฟังเรื่องราวของคุณแม่แห่ง Bluebik ที่จะมาเล่าถึงการปรับตัว บทเรียนจากลูก และพลังของทีมที่ทำให้พวกเธอสามารถบาลานซ์ทั้งชีวิตและงานได้อย่างเต็มที่ 

ถ้าพร้อมแล้ว…ไปพบกับเรื่องราวที่ทั้งจริงใจและทรงพลังของ Wonder Moms แห่ง Bluebik กันเลย!  

จาก HR Director สู่ ‘คุณแม่เต็มตัว’ พร้อมทักษะฟังอย่างเข้าใจ อดทน ใจเย็น และคิดบวกอยู่เสมอ 
คุณแม่ชมพู่-พัชราภรณ์, HR Director, Bluebik Group

คำถามแรกที่เราสงสัยคือ ลูกเปลี่ยนชีวิตคุณไปอย่างไร และได้เรียนรู้อะไรจากลูกที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันหรือในการทำงานได้บ้าง คุณแม่ชมพู่เล่าอย่างอารมณ์ดีว่า “ตั้งแต่รู้ว่าท้อง ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลยค่ะ กินก็ต้องเลือก นอนก็ไม่หลับ ปวดหลังก็มา แต่แปลกตรงที่…ก็ยังยิ้มได้ทุกวัน เพราะมี “อีกหนึ่งหัวใจ” เต้นอยู่ข้างใน 

ตอนเห็นลูกในจออัลตราซาวด์ครั้งแรก เรายิ้มทั้งน้ำตาเลยค่ะ (จริง ๆ คือน้ำตาไหลเพราะนอนหงายบนเตียงนานแล้วลุ้นมาก แต่ก็ปลื้มใจจริง ๆ นะ) 

ลูกทำให้เข้าใจ “ความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน” แบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และสอนให้รู้ว่า การเป็นผู้นำไม่ใช่แค่เรื่องของความเก่ง แต่คือการฟังอย่างเข้าใจ อดทนอย่างสงบและใจเย็น แม้ในวันที่นอนน้อย 3 ชั่วโมงจากการให้นมลูก พูดง่าย ๆ คือ มีลูกแล้ว…Soft Skills เพิ่มขึ้นแบบไม่รู้ตัวค่ะ” คุณแม่ชมพู่ปิดท้ายได้อย่างน่ารักไม่เบา 

เมื่อเราถามถึงการทำงานที่ต้องบาลานซ์ระหว่างความเป็นคุณแม่และผู้นำของทีม Human Resources ที่ Bluebik “ต้องบอกว่าที่ Bluebik ไม่เคยรู้สึกว่าต้องเลือกระหว่าง “งานที่รัก” กับ “ลูกที่รักกว่า” ที่นี่ให้เราเป็นได้ทั้ง “แม่ของลูก” และ “แม่ของทีม” ในเวลาเดียวกัน 

มีวันหนึ่งลูกไม่สบาย ต้องพาไปโรงพยาบาลแต่เช้า รีบแจ้งหัวหน้าและทีมด้วยความรู้สึกผิดเล็ก ๆ ที่ต้องลางานด่วน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ…พี่ไปดูแลลูกก่อน เดี๋ยวตรงนี้เราช่วยกัน พูดเลยว่าตอนนั้นน้ำตาซึม…ไม่รู้ว่าเพราะซึ้ง หรือเพราะนอนไม่พอกันแน่” คุณแม่ชมพู่พูดติดตลกปิดท้ายคำตอบที่เจือไปด้วยความประทับใจ 

ด้วยความที่ดูเป็นคุณแม่อารมณ์ดีและคิดบวกอยู่เสมอ เราจึงอยากรู้ว่าคุณแม่ชมพู่อยากบอกอะไรกับคุณแม่มือใหม่หรือคนที่กังวลว่าจะบาลานซ์ชีวิตแม่กับงานได้ลำบากบ้างมั้ย “อยากกอดแน่น ๆ แล้วบอกว่า แม่เก่งมากค่ะ”  
 
“ไม่มีใครเริ่มบทบาทนี้ได้แบบ Beyond Standard หรอกค่ะ แม่ทุกคนล้วนเรียนรู้หน้างานกันทั้งนั้น บางวันก็ดี บางวันก็งง…แต่ทุกวันจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเจอมาก่อน 

ถ้าวันไหนเหนื่อย อยากร้องไห้ หรือสงสัยว่า “นี่เราไหวจริงเหรอ” ขอให้รู้ไว้นะว่า…คุณไม่ได้อยู่คนเดียว และลูกจะจำได้แค่ว่า แม่เก่งที่สุด แม้จะใส่แพมเพิสลูกผิดด้านก็ตาม”  คุณแม่ชมพู่ยังคงทิ้งท้ายได้น่ารักและส่งต่อพลังบวกอีกเช่นเคย 

สิ่งที่อยากบอกกับลูก ถ้าเขาได้เข้ามาเห็นบทความนี้: แม่อยากบอกว่า…แม่อาจจะทำอาหารไม่อร่อย อาจจะร้องเพลงกล่อมหนูเพี้ยนบ้าง หรือบางวันเผลอหลับไปก่อนที่หนูจะหลับซะอีก แต่แม่จะพยายามเป็น “ที่ปลอดภัย” ที่หนูกลับมาแล้วรู้สึกสบายใจที่สุด แม่จะฟังหนูเสมอ แม้ในวันที่หนูพูดไม่รู้เรื่องแต่แม่ก็ยังพยักหน้าเข้าใจ (จริง ๆ ก็งงนิดหน่อย 😆) แม่รักหนูมากนะและจะอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ว่าจะเหนื่อย ง่วง หรือหูดับจากเสียงร้องแค่ไหนก็ตาม 

ไม่ต้องเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบตลอดเวลา แต่เป็นแม่ในแบบที่เรา “ภูมิใจ” และเห็น “คุณค่า” ของตัวเอง 
คุณแม่นัน – เกษมศรี, Project Manager, Innoviz Solutions 

“การมีลูกทำให้ทุกวันมีความหมายมากขึ้นค่ะ” คุณแม่นันอธิบายถึงการเริ่มบทบาทคุณแม่ เมื่อมีเจ้าตัวน้อยเข้ามาในชีวิต ก่อนจะอธิบายเพิ่มว่า “เพราะไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูก แต่คือการได้ใช้เวลาร่วมกัน เข้าใจกัน และเติบโตไปพร้อมกัน และทำให้รู้ว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่เราสามารถเปิดใจ เรียนรู้ และให้อภัยกันได้  

สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในการทำงานได้ด้วย โดยเฉพาะในฐานะหัวหน้าทีม เพราะไม่ใช่แค่พาทีมไปให้ถึงเป้าหมาย แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า ทุกคนมีความแตกต่างกัน ต้องเปิดใจ เรียนรู้ร่วมกัน และเติบโตไปด้วยกันค่ะ”  

คุณแม่นันเล่าต่อว่า การทำงานที่ Bluebik ทำให้เธอได้เป็นแม่อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องทิ้งงานที่รัก “การทำงานที่ Bluebik คือความลงตัวของชีวิตค่ะ เพราะสิ่งที่เพื่อนร่วมงานมอบให้ไม่ใช่แค่ การทำงานร่วมกัน แต่คือ ความเข้าใจ ที่มีทั้งความยืดหยุ่น ความเชื่อใจ และบรรยากาศที่คอยสนับสนุนกันเสมอ ทำให้รู้สึกว่า Bluebik ไม่ใช่แค่ที่ทำงาน แต่เป็นพื้นที่ที่ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า ทั้งในฐานะผู้หญิงที่รักในงานที่ทำ และในฐานะ “แม่” ที่ได้ทำหน้าที่สำคัญของชีวิตได้อย่างเต็มที่ค่ะ” 

นอกจากนี้คุณแม่นันยังได้แชร์ข้อคิดดี ๆ ที่อยากฝากถึงคุณแม่หลาย ๆ ท่านที่กังวลว่าจะทำหน้าที่ในแต่ละส่วนได้ไม่ดีพอว่า “ค่อย ๆ หาจุดที่ลงตัวของตัวเองค่ะ ยอมให้ตัวเองเหนื่อยได้ ท้อได้ ชีวิตต้องยืดหยุ่นได้ และไม่ต้องกดดันว่าเราจะต้องเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ แค่เป็นแม่ในแบบที่เราภูมิใจ และเห็นคุณค่าของตัวเอง ทั้งในบทบาทของแม่และในชีวิตการทำงาน อาจจะไม่ได้ Perfect ที่สุด แต่ให้มีความสุขที่สุดในแบบของเรา แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” 

สิ่งที่อยากบอกกับลูก ถ้าเขาได้เข้ามาเห็นบทความนี้: ลูกคือดวงใจของแม่เลยนะ เป็นพลังใจที่สำคัญมาก ๆ สำหรับแม่ แม่อยากให้หนูรู้ว่า ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร แม่จะเป็นแม่ที่หนูไว้ใจได้ เชื่อใจได้ และมั่นใจได้เลยว่าแม่รักหนูมากที่สุด เราจะค่อย ๆ โตไปด้วยกัน เรียนรู้กันไป ให้หนูได้เติบโตในแบบที่หนูต้องการ แม่จะคอยอยู่ข้าง ๆ และ Support หนูเสมอค่ะ 

เมื่อ “Work from Anywhere” ทำให้บาลานซ์ชีวิตได้อย่างลงตัว ฉบับคุณแม่ยุคใหม่ 
คุณแม่อ้อม – ศศลักขณ์, Assistant Legal Manager, Bluebik Group

คุณแม่อ้อมเปิดด้วยความประทับใจในการทำงานที่ Bluebik ที่ทำให้เธอสามารถแบ่งเวลาให้กับทุกเรื่องได้ “ขอบคุณนโยบาย Work from Anywhere ของ Bluebik ที่ทำให้เรามีความยืดหยุ่นในการทำงาน และสามารถจัดการเวลาเพื่อทำงานและดูแลลูกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ต้องขอขอบคุณทีมที่เข้าใจถึงบทบาทความเป็นแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องป่วยของลูกหรือการต้องดูแลลูกในสถานการณ์ฉุกเฉิน โชคดีมากที่ทีมพร้อมให้ความช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระงาน เมื่อเราต้องดูแลลูก” 

สำหรับคุณแม่อ้อม การเป็นคุณแม่คือการต้องจัดลำดับความสำคัญและต้องวางแผนทุกย่างก้าว “เมื่อมีลูกก็ทำให้เราได้รู้ว่าชีวิตไม่ได้หมุนรอบตัวเองอีกต่อไป แต่มีอีกหนึ่งชีวิตที่เราต้องดูแล ทำให้เราจัดลำดับความสำคัญใหม่ เช่น ให้ความสำคัญกับเวลาครอบครัวมากขึ้น การวางแผนอนาคตเพื่อลูก และต้องไม่ลืมบริหารเวลาสำหรับบทบาทของแม่และบทบาทของพนักงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” 

คุณแม่อ้อมยังได้แชร์ต่อว่า สิ่งที่ได้เรียนรู้จากลูกและนำมาปรับใช้หลัก ๆ เลยก็คือ Multitasking และ Efficiency “เพราะการที่เราสามารถดูแลลูกไปพร้อม ๆ กับการทำงาน ทำให้เรามีทักษะในการทำหลายอย่างพร้อมกันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น” 

“การเป็นแม่และทำงานไปด้วยนั้นไม่ง่าย ไม่ต้องกดดันตัวเองว่าจะต้องทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบในทุกบทบาท อนุญาตให้ตัวเองผิดพลาดได้บ้าง ไม่เป็นไรเลยที่เราจะไม่สมบูรณ์แบบบ้าง (ในบางครั้ง)” คุณแม่อ้อมฝากทิ้งท้ายให้กับคุณแม่หลาย ๆ ท่านที่กำลังเผชิญความท้าทายในบทบาท Working Mom 

สิ่งที่อยากบอกกับลูก ถ้าเขาได้เข้ามาเห็นบทความนี้: ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิต ที่ทำให้แม่ได้เรียนรู้และเติบโตในหลาย ๆ ด้าน และแม่จะคอยสนับสนุนทุกเส้นทางของลูกเสมอ 

ทีมที่ดี บริษัที่เข้าใจ ทำให้คุณแม่สามารถเต็มที่ได้ทุกบทบาทที่ได้รับมอบหมาย 
คุณแม่รุ่ง – ขวัญจิรา, Senior HR Operations Analyst, Bluebik Group 

“หลังจากมีลูก เราในฐานะคุณแม่พบว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างมากค่ะ เพราะการเลี้ยงดูลูกต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ตอนลูกยังเล็ก ๆ ก็อดหลับอดนอนตื่นมาให้นมลูกบ้าง ปั๊มนมบ้าง ทั้งในการรับมือกับอารมณ์ของลูก การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และการรอคอยให้ลูกเติบโต ซึ่งความอดทนนี้เป็นคุณธรรมสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างสงบและมีสติ” คุณแม่รุ่งเล่าให้เราฟัง เมื่อเราถามว่า ลูกเปลี่ยนชีวิตคุณไปอย่างไรบ้าง? 

คุณแม่รุ่งยังเล่าต่อว่า สิ่งที่เรียนรู้จากลูกและนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน คือ การเห็นคุณค่าและมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ “ลูกสอนให้เห็นคุณค่าของสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต และเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งง่าย ๆ รอบตัว เช่น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขแบบง่าย ๆ แล้ว” 

“ในฐานะ Working Mom ที่ Bluebik คือต้องบอกว่าโชคดีมากและชอบที่นี่มาก ๆ เพราะที่นี่เป็นการทำงานแบบ Hybrid สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานและ lifestyle ของคนยุคนี้ เพราะคุณแม่อย่างเราสามารถจัดสรรเวลาการทำงาน รวมถึงดูแลครอบครัวและลูกได้มากขึ้น ได้อยู่ในช่วงเวลาต่าง ๆ กับลูกมากขึ้น ทั้งการทานอาหารเย็นร่วมกัน การเล่นเกม หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้ คุณแม่ก็อยากจะอยู่กับลูกทุกช่วงความทรงจำของเขา โดยที่เราก็ยังสามารถทำงานที่เรารักได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ 

เรารู้สึกประทับใจเพื่อนร่วมทีมด้วย อย่างเวลาลูกไม่สบาย คุณแม่ก็จะต้องดูแลอาการป่วยของลูก ซึ่งอาจทำให้คุณแม่มีอาการเหนื่อยล้าและอาจส่งผลในเรื่องของงานที่ต้องรับผิดชอบในวันนั้น ทางทีมได้มีการช่วยเหลือ เช่น การแบ่งเบาภาระงานที่เราต้องรับผิดชอบ หรืออนุญาตให้ Work from Home ได้ เพื่อที่จะได้อยู่ดูแลอาการป่วยของลูกอย่างใกล้ชิด” 

ฟังถึงตรงนี้ ต้องบอกว่า การเป็น Working Mom นั้นไม่ง่ายจริง ๆ ซึ่งคุณแม่รุ่งมีสิ่งที่อยากบอกกับคุณแม่ที่กังวลว่าจะบาลานซ์ชีวิตแม่กับงานได้ลำบาก “อยากจะบอกว่าไม่ต้องกลัวหรือวิตกกังวล สิ่งสำคัญที่สุดคือการหาสมดุลที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น การจัดสรรเวลาให้กับการทำงานและการดูแลลูก การทำความเข้าใจหน้าที่ความรับผิดชอบในแต่ละบทบาททั้งชีวิตการทำงานและในฐานะคุณแม่ เพราะการเป็นทั้งคุณแม่และคนทำงานในเวลาเดียวกันต้องใช้พลังงาน ความอดทน ความเสียสละ และเวลาอย่างมาก หากรู้สึกว่าไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง อาจจะขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น” 

สิ่งที่อยากบอกกับลูก ถ้าเขาได้เข้ามาเห็นบทความนี้: ลูก คือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับแม่ ความรักที่แม่มีต่อลูกนั้น เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใด เป็นความรักที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นระหว่างเรา และเป็นความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด ความรักความห่วงใยที่แม่มีต่อลูกนั้น ไม่มีวันเสื่อมคลาย แม่รักพวกหนูมาก ๆ ค่ะ 

เมื่อชีวิตที่เปลี่ยนไป กลายเป็นแรงบันดาลใจให้งานและครอบครัวไปด้วยกัน 
คุณแม่แก้ม – ปวีณา, Business Consultant, Manager, Bluebik Vulcan

“เพราะการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ทั้งอาการแพ้ท้องที่ไม่คาดคิด ทำให้ต้องลางานฉุกเฉินบ่อยในช่วงแรก แต่พี่ ๆ ในทีมกลับไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา กลับกลายเป็นที่ปรึกษา ให้กำลังใจ และแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกอย่างอบอุ่น” คุณแม่แก้มเริ่มแชร์ประสบการณ์การเป็นคุณแม่ที่บลูบิค 

 
“การมีลูกก็เปรียบเสมือนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เราไม่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ทั้งหมด แต่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่ตลอด ตามพัฒนาการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัยของลูก พร้อมรับมือกับสิ่งไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเสมอ ไม่ต่างจากการทำงานที่ต้องพบเจอกับลูกค้าหลากหลายองค์กร หลากหลายรูปแบบ ที่เราต้องเข้าใจความต้องการอย่างแท้จริง นำเสนอ Solution ให้ตรงจุด รับฟัง feedback และปรับงานให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละเคส  
 

เช่นเดียวกับบทบาทความเป็นแม่ การทำงานก็ต้องอาศัยการเรียนรู้ ทดลอง และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ สิ่งสำคัญคือ กล้าที่จะเผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้ และพร้อมเติบโตไปกับมัน โดยไม่ลืมการวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้งานเดินหน้าได้อย่างราบรื่น”  

คุณแม่แก้มเล่าสะท้อนความเป็นมืออาชีพ Working Mom สไตล์ Bluebik ที่บาลานซ์ทั้งบทบาทในครอบครัวและการทำงานได้อย่างลงตัว  

 
“เมื่อทราบช่วงเวลาที่จะต้องลาคลอด เราก็ได้วางแผนการทำงานล่วงหน้าอย่างชัดเจน เพื่อให้ทีมสามารถดำเนินงานต่อได้อย่างไม่สะดุด และเมื่อกลับมาทำงานอีกครั้ง ระบบการทำงานแบบ Hybrid ก็ช่วยให้เราลดเวลาในการเดินทาง และได้ใช้เวลาอยู่กับลูกมากขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญ  

การจัดลำดับความสำคัญของงาน กลายเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างมากควบคู่ไปกับบทบาทความเป็นแม่ ทั้งการจัดสรรเวลาเลี้ยงลูก การทำงาน และการมีเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจและพร้อม Support เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่มาแบบไม่คาดคิด  

ทั้งหมดนี้ทำให้รู้สึกว่า Bluebik ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ทำงาน แต่เป็นเหมือนครอบครัว ที่เข้าใจและร่วมมือกัน เพื่อให้งานเดินหน้า และทุกคนเติบโตไปด้วยกันได้” 

หนึ่งในคำถามที่เราอยากรู้คือการแบ่งเวลาทั้งการทำงานและการเป็นคุณแม่ คุณแม่แก้มบอกว่า “การบาลานซ์ชีวิตของแม่กับการทำงาน ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างต้องแบ่งครึ่งแบบ 50:50 เสมอไป 

โดยเฉพาะในช่วงที่ลูกยังเล็ก เพราะสำหรับเขาแล้ว “เรา” คือทั้งโลก คือที่พึ่ง ความอบอุ่น และความปลอดภัยในทุก ๆ วัน ในช่วงวัยนั้น ลูกต้องการเรามากกว่าช่วงเวลาใด ๆ ของชีวิต และมันก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

เมื่อเขาโตขึ้น โลกของเขาก็เริ่มขยายกว้างขึ้น มีสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาเติมเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครู โรงเรียน หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เขาสนใจ ในวันนั้น เราอาจจะมีพื้นที่ของตัวเองกลับคืนมาบ้าง และสามารถโฟกัสกับการทำงานได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมว่าทีมและงานของเราก็ยังคงต้องเดินต่อไป เราเองก็ยังมีความสำคัญในระบบงานที่เราเป็นส่วนหนึ่งอยู่เสมอ  

ดังนั้น การบริหารเวลาอย่างยืดหยุ่นควบคู่ไปกับการวางแผนที่ชัดเจน การแชร์ความรู้กับทีม และการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าสำหรับงานที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบ Timeline และไม่ให้กระบวนการทำงานสะดุดหรือติดค้างที่เราเพียงคนเดียว” 

สำหรับคุณแม่แก้มนั้น การบาลานซ์ที่ดีในช่วงเวลานี้ อาจไม่ใช่ความเท่าเทียมของเวลา แต่คือความเข้าใจในบทบาทแต่ละด้าน และการสื่อสารกับทีมอย่างเปิดใจ พร้อมทั้งสร้างระบบการทำงานที่ช่วยให้ทั้ง “แม่” และ “เพื่อนร่วมทีม” เติบโตไปด้วยกันได้อย่างมั่นคงนั่นเอง  

สิ่งที่อยากบอกกับลูก ถ้าเขาได้เข้ามาเห็นบทความนี้: แม่อาจไม่ได้เป็นแม่ที่รู้ทุกอย่างตั้งแต่วันแรก แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ แม่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับลูก เติบโตไปด้วยกัน และจะอยู่ตรงนี้เสมอในทุกก้าวของลูก ทั้งยามสุขหรือทุกข์ แม่อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่จะเป็นที่พึ่งให้ลูกด้วยหัวใจที่พยายามอย่างดีที่สุดในทุกวัน  


นี่เป็นเพียงบางส่วนจากเรื่องราวของ Wonder Moms แห่ง Bluebik ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “คุณแม่ในชีวิตจริง” สามารถเวิร์คได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งในบทบาทของมืออาชีพและผู้ดูแลครอบครัว ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่เชื่อมั่นใน “ความเข้าใจ ความยืดหยุ่น และการสนับสนุนอย่างแท้จริง”  

หากคุณกำลังมองหาที่ทำงานที่เข้าใจและเคียงข้างในทุกช่วงจังหวะชีวิต เราอยากชวนคุณมาเป็นส่วนหนึ่งของ Bluebik ด้วยกัน  ดูตำแหน่งงานที่เปิดรับได้ที่: https://bluebik.com/job/

11 สิงหาคม 2568

By Bluebik