ถ้าจะมีใครใน Bluebik ที่นับได้ว่าเป็นผลผลิตขององค์กรอย่างแท้จริง หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ แตม-รชตะ บุญรินทร์ จากทีม AI (Advanced Insights) อยู่แน่นอน
ใครที่เคยพบเคยเจอแตม อาจจะมีภาพของผู้เชี่ยวชาญเรื่อง AI และ Data สายชิลล์ที่ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ เมื่อเราต้องการ แต่กว่าจะเป็นแตมผู้เก่งกาจแบบทุกวันนี้ วันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เขาก็เคยเป็นเด็กเรียนจบหมาดๆ ประสบการณ์การทำงานยังน้อย กระทั่งได้เข้าร่วม Bootcamp ของ Bluebik ค่ายติวเข้มเกี่ยวกับดาต้าที่เน้นสอนโดยการให้ลงมือทำจริงๆ
ในค่ายนั้น ความเก่งของแตมเริ่มฉายแวว เพราะหลังจากค่ายจบลง แตมก็ถูกจีบจากทีม Bluebik ให้ทำงานต่อทันที เวลาผ่านไป 3 ปี จากน้องจูเนียร์ในทีม แตมก็ได้ก้าวขึ้นเป็น Senior Data Scientist หนึ่งในหัวเรือใหญ่ประจำทีม AI ผู้ต้องสื่อสารและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า พร้อมขับเคลื่อนและผลักดันทุกคนในทีมให้ทำงานร่วมกันอย่างสอดประสาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งลูกค้าและคนทำงานยิ้มออก
แน่นอนว่าทั้งหมดที่ว่ามานี้ ไม่ได้มีแต่สกิลด้านดาต้าที่ถูกขุดออกมาใช้ แต่จะมีสกิลอะไรอีกบ้าง มากกว่านั้นคือจะอัปเลเวลยังไงให้เป็น Expert สาย AI ตัวจริงแบบแตมได้บ้าง เราขอพาไปนั่งคุยกับเจ้าตัวในบทความนี้
Level 1 : Starting with a Math Lover
“แต่ไหนแต่ไร ผมเป็นคนชอบตัวเลขมาตลอด ตอนเรียนปริญญาตรีจึงเลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่นั่นนอกจากสอนทฤษฎีทางคณิตศาสตร์แล้วยังสอนเรื่องการเขียนโปรแกรมเและ AI ด้วย ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยผมชอบคิดไอเดียไปพิชชิ่งในงานประกวดต่างๆ ผมบังเอิญไปเจอกับกรรมการที่เป็นที่ปรึกษาของบริษัทสตาร์ทอัปแห่งหนึ่ง เขากำลังทำโปรเจกต์ด้าน AI (Voice/Chatbot) อยู่ ซึ่งเมื่อ 8 ปีก่อน คนเข้าใจเรื่องนี้ยังมีไม่มาก และชวนผมไปทำงานด้วย
“ผมทำงานกับเขาประมาณ 3 ปี แล้วออกมาพัก 1 ปีครึ่ง รู้สึกว่าสกิลด้าน Data Science ของตัวเองหายไป เลยเริ่มกลับมาสมัครงานใหม่ ตอนนั้น Bluebik ก็เปิดโครงการ Bootcamp พอดี มันเป็นโครงการที่จะเทรนเรื่อง Data Science จากศูนย์ สอนหมดทั้งสกิลเรื่องข้อมูล การทำสไลด์ ไปจนถึงการคุยกับลูกค้า
“ค่าย Bootcamp ของ Bluebik ไม่เหมือนค่ายเทรนนิ่งปกติ เขาไม่ได้จัดเป็นห้องเลคเชอร์ แต่จะเป็นการเรียนรู้จากการ Learn on the job (ลงมือทำงานจริง) โดยจะมีโปรเจกต์มาให้ทำ แล้วมีพี่ๆ หัวหน้าประกบสอนไปด้วยกัน ทำให้เราเรียนรู้ได้ไว ถ้าให้ย้อนกลับไปคิดดู บทเรียนสำคัญที่สุดที่ได้เรียนรู้จาก Bootcamp ครั้งนี้คือการบริหารจัดการลูกค้า เรื่องเทคนิคเราเรียนผ่านยูทูบหรือคอร์สออนไลน์ก็ได้ แต่พอเราได้คุยกับลูกค้าและได้เก็บความต้องการของลูกค้าจริงๆ สิ่งเหล่านี้ไม่มีสอนที่ไหน
“หลังจบโครงการจะมีประเมินว่าเรียนผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าผ่าน ทางบริษัทก็จะถามว่าสนใจเป็นพนักงานประจำหรือเปล่า ผมผ่านการประเมิน จึงเริ่มทำงานที่ Bluebik ในตำแหน่ง Data Scientist ตั้งแต่นั้น”
Level 2 : Step into the Data Scientist world
“Data Scientist คือคนที่ทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับดาต้า ถ้าให้สโคป มันเริ่มตั้งแต่ทำความเข้าใจธุรกิจนั้นๆ ก่อนว่าลูกค้าหรือเจ้าของโจทย์ต้องการอะไร ใช้ AI แก้ได้หรือเปล่า หลังจากเข้าใจธุรกิจ เราต้องทำความเข้าใจดาต้าต่อว่ามีเพียงพอไหม อยู่ในรูปแบบใด เก็บไว้ที่ไหน แล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการเตรียมดาต้าให้พร้อมสำหรับใช้งาน เพราะเราอยู่ในยุคบิ๊กดาต้า มีดาต้าเยอะ เก็บอย่างเดียวแต่จะไม่ค่อยถูกจัดการเท่าไหร่
“เมื่อดาต้าพร้อม จะเข้าสู่ขั้นตอนของการทำโมเดล ซึ่งขึ้นอยู่กับงานนั้นๆ ว่าจะเป็นโมเดลอะไร จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนของการวัดผลโมเดล เมื่อวัดเสร็จก็จะสามารถนำไปใช้งาน ถามว่าเราทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร เป้าหมายของเราคือการนำดาต้ามาใช้ประโยชน์
“โปรเจกต์ที่ Bluebik มีเยอะมาก แต่ถ้าให้ยกตัวอย่างหนึ่งในโปรเจกต์ที่เราเคยทำ และได้รับความนิยมคือแชตบอตที่เป็น Generative AI (ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์) ที่สามารถคุยกับคนเพื่อลดงานเอเยนต์ เพื่อให้เอเยนต์สามารถทำงานอื่นที่ยากขึ้น แทนที่จะตอบคำถามทั่วไปที่ถูกถามบ่อยๆ หรือไม่ก็นำข้อมูลมาทำ Use Case Customer Analytics เพื่อจัดกลุ่มลูกค้า สมมติมีลูกค้าอยู่ล้านคน เราจะใช้ดาต้ามาจัดกลุ่ม เพราะลูกค้าแต่ละกลุ่มก็มีพฤติกรรมและความสนใจไม่เหมือนกัน ถ้าเรายิงโปรโมชั่นออกไปเฉพาะกลุ่ม เราก็สามารถยิงหาคนที่สนใจได้อย่างตรงกลุ่ม ทำให้อัตราการใช้โปรโมชั่นมากขึ้น และคุ้มทุนในการยิงโปรโมชั่นมากขึ้น ”

Level 3 : Become a truly Life-Long Learner
“ด้วยความที่ Data Scientist ต้องใช้ AI และ AI เป็นศาสตร์ที่ยังไม่ตาย มีการพัฒนาอยู่ตลอด ยิ่งสมัยนี้พัฒนากันวันต่อวัน คนที่น่าจะเหมาะกับสายงานนี้คือคนที่ชอบศึกษาอะไรใหม่ๆ ต้องมีการตามเทคโนโลยีบ้าง อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือทักษะการเขียนโปรแกรม ด้วยความที่ดาต้ามันมีเยอะ เราจึงต้องใช้การเขียนโปรแกรมมาช่วยทำให้การทำงานเร็วขึ้น อีกสิ่งหนึ่งคือทักษะการพรีเซนต์ เพราะงานหลักของ Data Scientist คือการหา Insight จากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ แต่พอเรารู้ Insight นั้นแล้ว เราจะไปบอกคนที่มีอำนาจของแบรนด์ยังไงให้เขาเข้าใจและเห็นด้วย
“สิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับผม คือการตามสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลานี่แหละ สมมติเราเรียนเรื่องนี้จบตอนนี้ ผ่านไปอีกเดือนหนึ่ง เราต้องโละมันทิ้งแล้ว เพราะมันมีสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม ราคาถูกกว่าเดิมเข้ามา เราก็ต้องหาเวลาไปอัปเดตสิ่งใหม่ให้ทันกับโลก
“อีกความยากคือการสโคปความคาดหวังของลูกค้า เพราะเมื่อพูดถึง Gen AI ลูกค้าก็จะคิดว่ามันสุดยอดเหมือนจาร์วิสในไอร่อนแมน แต่ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน มันยังไปไม่ถึงขั้นนั้น อย่างแชตบอทที่ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model:LLM) ก็อาจจะมีการตอบมั่วบ้าง ให้ข้อมูลไม่ถูกบ้าง เราจะตีกรอบความคาดหวังของลูกค้ายังไง เพื่อทำให้เขาเข้าใจว่า สิ่งที่เขาจะได้หน้าตาประมาณไหน อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ณ ปัจจุบันด้วยหรือเปล่า”
Level 4 : Open-minded Communicator
“ในทีม AI (Advanced Insights) ของเรา แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ส่วนแรกคือทีม Data Science ซึ่งดูแลเรื่องโมเดลเป็นหลัก เช่นโมเดลคาดการณ์หรือโมเดลจัดกลุ่มลูกค้า ส่วนที่ 2 คือ ทีม Data Engineer ที่ทำหน้าที่ออกแบบและจัดเตรียมดาต้าให้พร้อมสำหรับให้ Data Scientist เอาไปใช้งาน และส่วนสุดท้าย คือ Data Consult จะหนักไปทางงานธุรกิจ คือจะเป็นทีมที่เข้าไปคุยกับลูกค้าว่าเขามีโจทย์อะไร และแนะนำ AI แบบไหนที่ปรับไปใช้กับโจทย์นั้นได้
“Bluebik เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้าตลาด SET แล้ว แต่ในทีม AI จะมีบรรยากาศที่เรียกได้ว่าค่อนข้าง Flat ในระดับหนึ่ง หมายถึงว่าเราคุยกับใครก็ได้ เช่น ผมอยากคุยกับไดเรกเตอร์ก็ไม่ต้องนัดกับเลขาฯ แค่ทักไปหา เขาก็ตอบเร็วมาก หรือถ้าอยากได้เครื่องมือจากทีมข้างๆ ก็สามารถทักไปคุยได้เลย ทุกคนเก่ง แอคทีฟ และพร้อมช่วยเหลือตลอดเวลา
“นอกจากนี้ ที่ Bluebik ยังมีการสนับสนุนการอัปสกิลของคนทำงาน อย่างทีม AI ก็จะมีงบสนับสนุนในการสอบใบเซอร์ฯ เกี่ยวกับดาต้าให้ เพื่อเสริมความรู้เรื่อง AI หรือ Cloud และที่บริษัทเองยังมีเครื่องมือต่างๆ คอยช่วยเหลือ เช่น อีบุ๊กที่ให้เข้าไปอ่านออนไลน์ได้ และหลายครั้ง บริษัทก็มีการจัดเซสชั่นแชร์ความรู้ภายในทีม หากใครในทีมต้องการสกิลบางอย่างก็สามารถขอได้ และทีมก็จะจัดเซสชั่นแชร์ความรู้กัน เสริมทั้ง Hard Skills และ Soft Skills”
Level 5 : Passionate AI Developer
“ที่ Bluebik เรามีลูกค้าที่หลากหลาย งานแต่ละงานนั้นไม่ได้ง่ายและต้องปรับไปตามลูกค้าแต่ละราย บวกกับเทคโนโลยี AI ที่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ทำให้บางครั้งผมรู้สึกว่างานยากและท้าทายระดับหนึ่ง นอกจากการปรึกษาหัวหน้างานที่มีอำนาจในการหาเครื่องมือหรือวิธีแก้ไขมาช่วยได้แล้ว หลายครั้ง ผมก็พัฒนาเครื่องมือ AI ขึ้นมาเองก่อน เพื่อเข้าใจการทำงานของมันอย่างทะลุปรุโปร่ง เพราะสำหรับผม ก่อนที่เราจะเอาไปขายลูกค้าได้ เราก็ต้องเข้าใจโปรดักต์ หรือก่อนจะนำ AI ตัวไหนไปแนะนำกับน้องๆ ในทีม ผมอยากใช้โปรดักต์ตัวนั้นให้คล่องก่อน
“ยกตัวอย่าง แชตบอตใน LINE หรือ Microsoft Teams ที่ช่วยตอบคำถามเรื่องสวัสดิการภายในบริษัท ผมจะมีแชตบอตส่วนตัวที่สอนให้มันอ่านเอกสารภายในบริษัทเพื่อที่จะตอบคำถามได้ เช่น ถ้าผมอยากถามเรื่องที่อยู่บริษัทเพื่อนำมาประกอบใบกำกับภาษี หรือถามเรื่องวันหยุดประจำปี เขาก็จะดึงข้อมูลออกมาให้”

Level 6 : Lead as Senior Data Scientist
“สิ่งที่ทำให้ผมอยากทำงานที่นี่ต่อไปคือความสนุกในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือหรือ AI ใหม่ๆ ที่มีมาให้เราเล่นตลอด และมีโจทย์ใหม่ที่มาท้าทายเราตลอดเวลา
“อย่างโจทย์หนึ่งที่ได้ คือการขยับตำแหน่งขึ้นมาเป็น Senior Data Scientist หลังจากทำงานมา 3 ปี ตอนผมเป็น Junior งานก็จะให้น้ำหนักไปกับการพัฒนาโปรแกรมและทำสไลด์ แต่พอมาเป็น Senior งานจะไปทางคิดโซลูชั่น ไม่ว่าจะมี AI หรือปัญหาแบบไหนเข้ามา เราต้องใช้โซลูชั่นแบบไหน ประเมินเวลาทำงานว่าต้องใช้เท่าไร และจะคิดราคาลูกค้าเท่าไหร่ รวมถึงจัดสรรเครื่องมือให้น้องๆ ทำ บางครั้งก็จะดูแลไปถึงการบริหารจัดการ การไปช่วยพัฒนาระบบด้วยเช่นกัน
“ถ้าให้วิเคราะห์ดู ผมน่าจะเป็นหัวหน้าสายชิลล์นะ แต่ในความชิลล์ก็ไม่ได้ปล่อยปะน้องๆ แต่เป็นการให้น้องเขาได้ไปลองสิ่งใหม่ด้วยตัวเองก่อน ถ้าเขาติดอะไร เราก็จะไกด์เขาทีหลัง หรือถ้านัดส่งงานวันไหนก็ต้องเป็นวันนั้น แต่ระหว่างนั้นก็ให้อิสระเต็มที่
“ข้อดีของการทำแบบนี้คือให้น้องๆ ได้คิดอย่างเต็มที่ ไม่ติดกรอบ ลองไปเส้นทางใหม่ๆ เพราะบางทีเราก็ไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง ในทาง A B C D ที่เราให้เขาไป บางทีทาง E หรือทาง F มันอาจจะดีกว่าก็ได้ บางีครั้งผมก็ว้าวกับวิธีที่เขาเสนอกลับมาเหมือนกัน
“สำหรับผม ทีมที่ดีคือทีมที่ช่วยเหลือกัน เข้าใจว่าแต่ละคนก็มีโปรเจกต์ที่ต้องรับผิดชอบต่างกัน แต่ถ้าเราทำโปรเจกต์หนึ่งอยู่คนเดียวเลย บางทีอาจจะเกิดความเหงาและเครียดได้ง่าย แต่ที่ Bluebik เรามีบรรยากาศทีมที่เอื้อให้ปรึกษากันได้ มีพี่ มีน้องให้คุย มีหัวหน้าคอยสนับสนุน นี่เป็นบรรยากาศการทำงานที่ผมคิดว่าแฮปปี้”
Level 7 : Proudly Achiever
“ความภาคภูมิใจในการทำงาน Data Scientist สำหรับผม เกิดขึ้นตอนที่ส่งโปรเจกต์ได้และลูกค้าแฮปปี้ ถ้าลูกค้าบอกว่า พี่ใช้ระบบแล้ว ช่วยได้เยอะเลย ลดเวลาไปได้เยอะเลย เราก็จะรู้สึกว่าที่เราเหนื่อยมาหลายเดือนมันคุ้มแล้ว
“จริงๆ โปรเจกต์ที่ภูมิใจมีหลายโปรเจกต์ นอกจากโปรเจกต์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า เพื่อให้พวกเขาประหยัดเวลาได้เยอะขึ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่งคือ Bluebik มีงานเทรนนิ่ง AI ด้วย ผมเคยไปสอนพนักงานของบริษัทหนึ่งประมาณ 40-50 คนอยู่เป็นปีๆ เพราะเขาต่อคอร์สหลายครั้ง จากพนักงานปกติที่ไม่เคยจับงาน AI เลย เมื่อเทรนจบ คนของเขาทำโปรดักต์ AI ให้กับองค์กรได้ นี่ก็เป็นอีกความภูมิใจหนึ่ง
“ถ้าให้นิยามการทำงานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผมขอนิยามว่า Transform หรือการเปลี่ยนแปลง เพราะการทำงานที่ Bluebik เปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างในตัวผม จากแต่เดิมถนัดแต่ทางเทคนิค วันนี้เราได้จับงานบริหารจัดการมากขึ้น ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำอย่างเช่นการคุยกับลูกค้าเยอะๆ หรือทำสไลด์สวยๆ ในเวลาแค่ 3 ปี มีหลายสกิลของผมที่พัฒนา และเป็นช่วงที่ผมได้เรียนรู้เยอะมากๆ ครับ”

คำแนะนำให้กับคนที่อยากทำงานสาย AI
โดย แตม-รชตะ บุญรินทร์
“หากต้องให้คำแนะนำกับคนที่อยากทำงานสายนี้บ้าง ผมคิดว่านอกจากทักษะด้าน AI คุณจำเป็นต้องรู้หลักการพื้นฐานของมันด้วยเช่น ทักษะด้านคณิตศาสตร์ ที่มาที่ไปของสมการต่างๆ ใน AI ด้วย ความที่ปัจจุบันเครื่องมือหลายอย่างก้าวหน้ามากขึ้น หลายคนไม่สนแล้วว่าหลังบ้านทำงานยังไง เน้นใช้งานอย่างเดียว แต่จริงๆ มันเป็นส่วนที่สำคัญ เพราะหากวันหนึ่งเครื่องมือที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ถูกยกเลิก แล้วมีเครื่องมือใหม่เข้ามา การไม่เข้าใจพื้นฐานจะทำให้เราเข้าใจเครื่องมือใหม่ได้ยากมากๆ หรือตอนเจอโจทย์ที่ยากมากๆ เราก็จะไม่รู้ว่าต้องปรับหรือแก้ตรงไหน
“ส่วนคนที่มีประสบการณ์ด้าน AI อยู่แล้ว อาจต้องเน้นเสริมทักษะด้านการสื่อสาร ในแวดวงนี้คนทำ AI เก่งๆ อาจจะเยอะมาก แต่คนที่อธิบายเรื่องนี้ให้คนอื่นเข้าใจได้จริงๆ ยังมีไม่มาก มันจะมีผลต่อการอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจมากขึ้นด้วย”
นี่คือประสบการณ์การทำงานในฐานะ Data Scientist ในทีม Advanced Insights ที่ทำให้แตมได้อัปสกิลของตัวเองแทบทุกวัน ถ้าใครสนใจอยากเปิดประสบการณ์แบบนี้และเข้าร่วมทีมของเราบ้าง ลองเข้าไปดูตำแหน่งที่ Bluebik กำลังเปิดรับได้ที่ https://bluebik.com/job/ ได้เลย