
ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเชื่อมต่อถึงกัน ข้อมูลถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามหาศาล และนั่นทำให้ Ransomwareหรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ กลายเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับทั้งองค์กรและบุคคลทั่วไป เพราะสามารถล็อกและเข้ารหัสข้อมูลสำคัญของคุณได้ในพริบตา และจะยอมปลดล็อกก็ต่อเมื่อคุณจ่ายเงินตามที่แฮกเกอร์กำหนดเท่านั้น
การทำความเข้าใจว่า Ransomware โจมตีเข้ามาในระบบของเราได้อย่างไร จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามนี้ บทความนี้จะเปิดเผย 5 ช่องโหว่ยอดฮิตที่แฮกเกอร์ใช้เป็นประตูทางเข้า เพื่อให้คุณรู้เท่าทันและปิดช่องโหว่เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำความรู้จักกับ Ransomware: ภัยคุกคามที่คาดไม่ถึง
Ransomware คือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายชนิดหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อเข้ารหัสไฟล์และข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งาน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ จากนั้นแฮกเกอร์จะแสดงข้อความเรียกค่าไถ่เพื่อแลกกับการส่งมอบกุญแจถอดรหัสคืนให้ โดยส่วนใหญ่จะกำหนดให้ชำระเป็นสกุลเงินดิจิทัลเพื่อไม่ให้ติดตามได้
การโจมตีของ Ransomware ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ส่วนใหญ่จะอาศัยช่องโหว่และพฤติกรรมที่ไม่ระมัดระวังของผู้ใช้งานเป็นหลัก เพื่อแทรกซึมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ นี่คือ 5 ช่องทางที่พบบ่อยที่สุด
1. อีเมลฟิชชิ่ง (Phishing Email)
อีเมลฟิชชิ่งเป็นช่องทางการโจมตีที่แฮกเกอร์นิยมใช้มาอย่างยาวนาน และยังคงได้ผล โดยแฮกเกอร์จะปลอมแปลงเป็นบุคคลหรือองค์กรที่น่าเชื่อถือ เช่น ธนาคาร, บริษัทขนส่ง หรือแม้แต่หน่วยงานราชการ เพื่อหลอกให้คุณคลิกลิงก์ที่แนบมา หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบที่มีมัลแวร์แฝงอยู่ เมื่อคุณเผลอกดเข้าไป Ransomware ก็จะถูกติดตั้งลงในเครื่องทันที ล่าสุดนั้น การใช้ AI และ Generative AI สร้างข้อความ อีเมล หรือแม้แต่ Deepfake Voice/Video ทำให้ฟิชชิ่งดูสมจริงมากขึ้น และเพิ่มโอกาสให้เหยื่อหลงเชื่อ
2. ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้อัปเดต
ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ (เช่น Windows, macOS) ที่ไม่ได้อัปเดตเป็นประจำอาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ผู้ผลิตยังไม่ได้แก้ไข แฮกเกอร์จะใช้ช่องโหว่เหล่านี้เป็นทางเข้าเพื่อแทรกซึมมัลแวร์โดยที่คุณไม่ทันได้รู้ตัว ตัวอย่างที่โด่งดังคือการโจมตีของ WannaCry ที่อาศัยช่องโหว่ในระบบ Windows ที่ไม่ได้อัปเดต
นอกจากนี้ การโจมตีแบบ Supply Chain Attack ยังเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งโจมตีผ่านผู้ขาย ซัพพลายเออร์ หรือคู่ค้าภายนอกที่มีช่องโหว่ เพื่อเข้าถึงระบบหรือข้อมูลขององค์กรเป้าหมาย การโจมตีประเภทนี้มักแทรกมัลแวร์เข้าไปในซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ หรือบริการที่องค์กรเป้าหมายใช้งานผ่านซัพพลายเออร์เหล่านั้น ทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างได้
3. การใช้รหัสผ่านที่คาดเดาง่ายหรือซ้ำกัน
รหัสผ่านที่อ่อนแอเป็นเหมือนประตูที่ไม่ได้ล็อกเอาไว้ แฮกเกอร์สามารถใช้โปรแกรม “Brute-force” เพื่อสุ่มเดารหัสผ่านของคุณ หรือใช้ข้อมูลรั่วไหลจากฐานข้อมูลอื่นๆ เพื่อเข้าถึงระบบของคุณโดยตรง เมื่อเข้าถึงได้แล้ว พวกเขาก็จะสามารถติดตั้ง Ransomware ได้อย่างง่ายดาย
4. การดาวน์โหลดไฟล์หรือโปรแกรมจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
การดาวน์โหลดโปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์ (เถื่อน) หรือไฟล์แนบจากเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก อาจทำให้คุณได้รับของแถมเป็น Ransomware โดยไม่ตั้งใจ เพราะแฮกเกอร์มักจะซ่อนมัลแวร์ไว้ในไฟล์เหล่านี้ และเมื่อคุณติดตั้งหรือเปิดไฟล์นั้นๆ มัลแวร์ก็จะทำงานทันที
นอกจากนี้ ภัยคุกคามจาก Malvertising ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นโฆษณาปลอมบน Google Ads หรือ Social Media ที่ล่อให้ผู้ใช้กดลิงก์ติดตั้งมัลแวร์
5. การใช้โปรโตคอล Remote Desktop Protocol (RDP) ที่ไม่มีการป้องกัน
หลายองค์กรใช้ RDP เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้จากระยะไกล แต่หากไม่มีการตั้งค่าความปลอดภัยที่เพียงพอ เช่น ไม่มีการใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อน หรือไม่มีการใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) แฮกเกอร์ก็สามารถเข้าถึงระบบได้โดยง่าย และเมื่อเข้าถึงได้แล้วก็สามารถแพร่กระจาย Ransomware ไปทั่วทั้งเครือข่าย
วิธีป้องกันตัวเองจากภัย Ransomware
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรู้เท่าทันและมีพฤติกรรมที่ระมัดระวังในโลกออนไลน์ โดยแนวทางปฏิบัติที่คุณสามารถทำได้ทันทีประกอบด้วย
- หมั่นอัปเดตซอฟต์แวร์:อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น
- ระมัดระวังการเปิดอีเมล:หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากอีเมลที่ไม่รู้จักหรือไม่น่าเชื่อถือ
- ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อน:ตั้งรหัสผ่านที่ยาวและผสมทั้งตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ และไม่ใช้รหัสผ่านซ้ำกัน
- สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ:สำรองข้อมูลสำคัญของคุณไว้ในอุปกรณ์ภายนอกหรือระบบคลาวด์ เพื่อให้สามารถกู้คืนข้อมูลได้หากถูกโจมตี
- ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส:ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสและอัปเดตฐานข้อมูลมัลแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจจับภัยคุกคาม
การเข้าใจถึงช่องทางการโจมตีของ Ransomware เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกัน หากคุณปิดประตูเหล่านี้อย่างแน่นหนา คุณก็จะสามารถลดความเสี่ยงจากการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรไซเบอร์ได้อย่างมาก
ในยุคที่ภัยคุกคามไซเบอร์มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว องค์กรไม่สามารถพึ่งพาแนวทางป้องกันแบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป Bluebik Group คือผู้นำด้าน Digital Transformationและ Cybersecurity Consulting ที่พร้อมช่วยองค์กรของคุณประเมินความเสี่ยงจาก Ransomware เชิงรุก วางแผนการรับมือเชิงกลยุทธ์ พร้อมยกระดับระบบความปลอดภัยให้ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การวิเคราะห์ช่องโหว่ ไปจนถึงการบริหารจัดการภัยคุกคามแบบครบวงจร เพื่อให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจในยุคดิจิทัล สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.bluebik.com
ติดตามทุกเทรนด์ธุรกิจและนวัตกรรมเทคโนโลยีไปกับเรา
Source:
- Protect your PC from ransomware
- Quickly protect your organization against ransomware attacks
- CISA (Cybersecurity & Infrastructure Security Agency)
- IBM Security X-Force – Threat Intelligence Index 2024
- Kaspersky – What is Ransomware?