บมจ.บลูบิค กรุ๊ป นำหุ้นเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ชูจุดเด่นเป็นหุ้นคอนซัลต์ด้านดิจิทัล
ทรานส์ฟอร์เมชันที่เข้าจดทะเบียนตัวแรกของไทย เดินหน้าขยายธุรกิจทุกมิติ เสริมทีมบุคลากร พัฒนาเทคโนโลยีและดิจิทัล ยกระดับซอฟท์แวร์เสริมศักยภาพองค์กร ตอกย้ำผลการดำเนินงานโดดเด่น
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันนี้ (16 กันยายน 2564) โดยใช้ชื่อย่อ ‘BBIK’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ หลังจากได้ระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 25 ล้านหุ้น และได้รับการตอบรับอย่างคึกคักเกินกว่าความคาดหมาย ซึ่งการระดมทุนดังกล่าวจะเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในหลากหลายมิติและสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
สำหรับแผนขยายธุรกิจที่จะดำเนินการต่อเนื่องหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มี 6 ด้าน ได้แก่
- การเพิ่มบุคลากรและพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ตลอดจนวางแผนพัฒนาศูนย์การพัฒนาทักษะ (Learning Academy Center)
- พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Software as a Service หรือ SaaS) รวมถึงจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development Center)
- เสริมศักยภาพการบริหารจัดการภายใน ผ่านการยกระดับระบบซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร
- ขยายพื้นที่สำนักงานรองรับการเพิ่มบุคลากร
- ลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องและมีศักยภาพเพื่อสร้างการเติบโตและรับมือความผันผวนของตลาด
- เสริมศักยภาพด้านเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายมุ่งเป็นบริษัทคอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำแบบครบวงจร โดยนำจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหารและบุคลากรที่เคยร่วมงานกับบริษัทคอนซัลต์ชัั้นนำระดับโลก ให้บริการคำปรึกษาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการยกระดับองค์กรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล และปลดล็อกศักยภาพการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดเพื่อสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ ครอบคลุมการวางกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) เพื่อค้นหาปัจจัยความสำเร็จที่จะสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด การบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO) การพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ให้คำปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) และการจัดหาบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านไอที (IT Staff Augmentation) ให้แก่ลูกค้าเพื่อปฏิบัติงานจนจบโครงการ
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2561 – 2563 มีรายได้จากการขายและบริการ 132.76 ล้านบาท 184.94 ล้านบาท และ 200.53 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 22.90% และมีกำไรสุทธิ 19.22 ล้านบาท 31.71 ล้านบาท และ 44.29 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 51.8% ส่วนในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขายและบริการ 126.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 30.06 ล้านบาท คิดเป็นอัตราทำกำไรสุทธิที่ 23.67%
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อย 40% และบริษัทฯ ถือหุ้น 60% เพื่อเติมเต็มนวัตกรรมและศักยภาพด้านดิจิทัลสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สู่การเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับ OR เป็นผู้นำด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมค้าปลีกต่อไป
ด้าน นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.บลูบิค กรุ๊ป เป็นหุ้น IPO ที่มีศักยภาพโดดเด่น โดยมีบริการที่หลากหลายและครอบคลุมด้านการวางกลยุทธ์และบริหารจัดการ เทคโนโลยีและดิจิทัล จึง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรที่ต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและปลดล็อกศักยภาพการเติบโต ที่ผ่านมาจึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้บริการเป็นจำนวนมากและมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงยังมีโอกาสขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องในอนาคต สอดคล้องกับเทรนด์การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่ดิจิทัลที่เกิดขึ้นทั่วโลก
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า บมจ.บลูบิค กรุ๊ป ถือเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในประเทศไทย ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการให้คำปรึกษาและวางกลยุทธ์ รวมถึงมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า สามารถแข่งขันกับบริษัทคอนซัลต์จากต่างประเทศได้ ขณะที่ผลการดำเนินงานมีอัตราเติบโตที่โดดเด่นทั้งรายได้และกำไร ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับ OR ผ่านบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตแก่บริษัทฯ