บลูบิค โชว์เหนือกำไรนิวไฮ 1H/66 โตแกร่ง 123% ทะยานแตะ 137 ล้านบาท มากกว่ากำไรปี 65 ทั้งปี เร่งเครื่องพร้อมรับงานขนาดใหญ่ครึ่งปีหลัง ฟอร์มตลาดต่างประเทศดีเกินคาด

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทั้งรายได้และกำไรใน 1H/66 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สูงกว่าผลประกอบการรวมทั้งปี 2565 โดยมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่รายได้อยู่ที่ 607 ล้านบาท เติบโตถึง 149% (YoY) เป็นผลมาจากแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งสร้าง Synergy การทำงานร่วมกันของบริษัทในเครือ ทำให้สามารถรองรับความต้องการและแผนการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เติบโตมากกว่าเท่าตัว (YoY) ทำรายได้ถึง 65 ล้านบาทในครึ่งปีแรก  

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ Digital-First Company เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางธุรกิจและปูทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกธุรกิจ เป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เกิดดีมานด์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของบลูบิคเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งตลาดในและต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนามและสหราชอาณาจักรที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้า

“ผลประกอบการใน 1H/66 ของบลูบิคอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้เราจะเห็นสัญญาณชะลอการใช้จ่ายหรือลงทุนเพิ่มของภาคธุรกิจในไตรมาส 2 จากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามบริษัทฯเริ่มเห็นสัญญาณบวกในช่วงต้นไตรมาส 3 ภาคธุรกิจกำลังเร่งปรับตัวและเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันรับมือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กอปรกับแผนยุทธศาสตร์การทำ Cross-Selling และ Up-Selling ระหว่างบริษัทในเครือ ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถคว้างานโครงการขนาดใหญ่เพิ่มเติมได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ หนุนผลประกอบการทั้งปี 2566 เติบโตตามเป้า 120% ได้อย่างแน่นอน” นายพชร กล่าว    

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ประจำปี 2566 กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีรายได้รวมอยู่ที่ 340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158% (YoY) โดยแบ่งออกเป็นรายได้จากตลาดในประเทศ 294 ล้านบาท เติบโต 133% (YoY) และรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 46 ล้านบาท เติบโตถึง 667% (YoY) ในส่วนของมูลค่างาน Backlog (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566) มีมูลค่ากว่า 979 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มาจากบลูบิค 789 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุนอีก 190 ล้านบาท โดยในส่วนของบลูบิคเตรียมรับรู้รายได้ในปีนี้ไม่น้อยกว่า 494 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567 – 2571 ในขณะที่บริษัทร่วมทุนคาดว่าจะรับรู้รายได้อีกไม่น้อยกว่า 140 ล้านบาทในปีนี้

นอกจากนี้บริษัทฯเปิดเผยถึงผลการดำเนินงานและความคืบหน้าของ 2 บริษัทซึ่งเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ได้รับอนุมัติจัดตั้งในครึ่งปีแรก ได้แก่

1) บริษัท ซอส สกิลส์ จำกัด (Sauce Skill) ที่ดำเนินธุรกิจด้าน Corporate Training ซึ่งได้เริ่มให้บริการลูกค้าองค์กรและสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทฯในครึ่งปีหลัง 

2) บริษัท อีโคเอ็กซ์ จำกัด (EcoX) ที่ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม หรือ Green Tech กำลังอยู่ในกระบวนการวางระบบและแผนการดำเนินงาน มั่นใจพร้อมรับลูกค้าองค์กรขนาดกลาง-ใหญ่ในช่วงปีหน้า

ใน 2H/2566 นี้บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อม เพื่อรุกรับงานโครงการขนาดใหญ่และลุยตลาดใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการทำ Synergy ระหว่างบริษัทในเครืออย่างเข้มข้น ควบคู่กับแผนการใช้ทรัพยากร (Resource Utilization) ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยเฉพาะจำนวนพนักงานที่มีอยู่มากกว่า 850 ชีวิต รวมถึงการปรับกระบวนการทำงานภายในองค์กร พร้อมมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions – M&A) 

การขยายตัวแบบก้าวกระโดดที่สะท้อนผ่านผลประกอบการนิวไฮติดต่อกันถึง 6 ปีซ้อน ทำให้บริษัทฯได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตร่วมกันในอนาคต และคาดว่าจะสามารถปิดดีลใหม่ ๆ เพิ่มเติม เพื่อเสริมแกร่งด้านบริการและสร้าง New S-Curve ในอนาคต  

“เราเชื่อมันว่าการเติบโตแบบก้าวกระโดดผ่าน M&A และ JV เป็นแนวทางที่สามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีต่างประเทศได้ ซึ่งเห็นได้จากความสำเร็จของบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด รวมถึงการควบรวม 2 กิจการล่าสุด (บริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (VDD) และ บริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz) ที่ทำให้ Business Ecosystem ของบลูบิคแข็งแรงขึ้น ทั้งในแง่ของจำนวนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและการให้บริการแบบครบวงจรภายใต้มาตรฐานระดับสากล” นายพชร กล่าวปิดท้าย