fbpx
เรื่องราวของเรา 23 กันยายน 2019

ประสบการณ์ 6 เดือน ฝึกงานที่ Bluebik

ฤดูกาลฝึกงานของน้อง ๆ หลายคนกำลังใกล้เข้ามาทุกที แต่ในขณะเดียวกันก็มีน้อง ๆ จำนวนไม่น้อยที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวประสบการณ์นี้ไป หนึ่งในนั้นก็คือ น้องตุลย์ Business Analyst และ น้องบรรณ Front-end Developer   สองหนุ่มจากรั้วมช. ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบลูบิคถึงหกเดือนเต็ม จะเป็นหกเดือนที่คุ้มค่าหรือเปล่าคงต้องไปฟังจากปากทั้งคู่เอง 

Day 1  VS Last day ของการเป็น Intern ที่ Bluebik . 

ตุลย์: ถ้ามองกลับไปในวันแรกที่ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกงานในตำแหน่ง Business Analyst สิ่งที่รู้สึกแตกต่างเลย คือ แง่คิดและมุมมองในการทำงานที่กว้างขึ้น ซึ่งเกิดจากการที่พี่ๆให้เราลองทำ ลองปฏิบัติจริง ให้คำแนะนำเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด บางสิ่งที่เราไม่เคยทำและคิดว่ายาก พี่ๆ ให้เรียนรู้และลงมือทำจริง เหมือนได้ออกจาก Safe zone และกล้าทำสิ่งใหม่ๆมากขึ้น เป็นการฝึกงานที่ได้ประสบการณ์เยอะมากจริงๆครับ 

บรรณ: งานส่วนใหญ่ที่ได้รับ Assigned มานั้นเกือบทั้งหมดจะเป็นโปรเจกต์จริง เลยทำให้เราได้ฝึกอะไรหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำงานเป็นทีม และ การแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น 

ประโยคนึงที่ผมชอบมากตอนมาสมัครฝึกงานที่บลูบิคคือ “ที่นี่ให้น้องๆทำงานเหมือนสมาชิกในทีมคนนึง” 

ประทับใจ Bluebik ตรงนี้แหละ

ตุลย์: ประโยคนึงที่ผมชอบมากตอนมาสมัครฝึกงานที่บลูบิคคือ “ที่นี่ให้น้องๆทำงานเหมือนสมาชิกในทีมคนนึง”  ซึ่งตั้งแต่ฝึกงานในอาทิตย์แรก พี่ๆก็จัดเต็มให้งานมาเลยจริงๆ  ได้เข้าร่วมประชุมกับทีม  และพี่ๆก็เปิดกว้างในการให้นำเสนอไอเดียต่างๆ (ใครจะมาฝึกงานที่นี่ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไรทำนะ ได้ทำแน่ๆ ฮ่าๆ) 

ส่วนตัวผมฝึกงานเป็น Business Analyst เลยได้รับโจทย์หา Solution ที่ตอบโจทย์ตาม Requirement ของลูกค้า จนถึงการทำ Deck ที่ใช้นำเสนอลูกค้า และ พี่ๆยังเปิดโอกาสให้ไปพรีเซนต์กับลูกค้าด้วยตัวเอง รู้สึกประทับใจมากครับ 

ส่วนสังคมการทำงาน พี่ๆทุกคนเป็นกันเองมากครับ  ใครชอบกินขนมก็ฟอร์มทีมกับพี่ๆไปช้อปขนมที่คลังเสบียงได้เต็มที่เลย (ที่นี่ขนมเยอะมากจริงๆ ไม่ต้องกลัวหิวเลย ฮ่าๆ) ส่วนใครสายรักสุขภาพก็มีพี่ๆชวนไปออกกำลังกายที่สวนลุมฯอยู่ตลอด  อีกทั้งในออฟฟิศยังมีกิจกรรมต่างๆที่ให้ทำร่วมกันเยอะมาก เช่น Outing ประจำปี ,กิจกรรมลดน้ำหนัก ,กิจกรรมสังสรรค์ต่างๆ ฯลฯ 

บรรณ:  โปรเจกต์ที่ผมรับผิดชอบในฐานะ Front-end developer เป็นโปรเจกต์ที่ต้องนำไปใช้งานจริง ทำให้เรากดดันพอสมควร แต่พี่ๆ เปิดกว้างมาก และยังคอยช่วยเหลือตลอดเวลา ทำให้รู้สึกอบอุ่น และลดความกดดันไปได้เยอะเลย