ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ได้เข้ามาอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวัน และได้ถูกนำไปใช้งานหลากหลายรูปแบบในภาคธุรกิจ เพื่อช่วยให้การทำงานดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับบทความนี้ ‘บลูบิค (Bluebik)’ จึงอยากพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับขีดความสามารถของ AI มากขึ้น ในรูปแบบ AI 101 ครอบคลุมตั้งแต่นิยามของ AI รูปแบบ ความสำคัญ ตัวอย่างการใช้งาน และแนวทางว่า หากองค์กรอยากเริ่มใช้งาน AI ควรเริ่มอย่างไร  

Artificial intelligence (AI) คืออะไร 

Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ คือ เทคโนโลยีที่ถูกออกแบบและสร้างให้สามารถคิด เข้าใจ และแก้ปัญหาได้แบบมนุษย์ โดยใช้การเรียนรู้และการประมวลผลข้อมูล เพื่อสร้างโมเดลที่สามารถทำนายผลลัพธ์จากข้อมูลต้นฉบับได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ 

รูปแบบของ Artificial Intelligence (AI) มีอะไรบ้าง  

จากนิยามข้างต้น ในการออกแบบให้ AI มีความสามารถและมีความฉลาดคล้ายคลึงกับมนุษย์ ทำให้ AI ต้องมีอัลกอริทึมที่สามารถเรียนรู้ ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลจากหลากหลายแหล่งที่มา เพื่อค้นหาและระบุความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลต่าง ๆ แล้วนำไปคาดการณ์ เพื่อหาผลลัพธ์ออกมา จากการรวบรวมข้อมูลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องและเทรนโมเดลซ้ำ ๆ หลายครั้งจนเกิดการเรียนรู้ ระบบ AI จึงสามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย ตามเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  

1. Machine Learning (ML) 

เทคโนโลยีที่สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยใช้ข้อมูล เน้นไปที่การจดจำลักษณะเด่น เพื่อจำแนกความแตกต่างของข้อมูลเป็นหลัก 

2. Deep Learning 

Subset ของ ML ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้ลักษณะต่าง ๆ ของข้อมูล โดยมีพื้นฐานการทำงานหรือการเรียนรู้จากระบบประสาทของสมองมนุษย์ 

3. Natural Language Processing (NLP) 

การทำให้ AI สามารถเข้าใจและประมวลผลภาษามนุษย์ ทั้งรูปแบบตัวอักษรและเสียงพูด 

4. Computer Vision 

เทคโนโลยีที่สามารถวิเคราะห์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เพื่อจำแนกความแตกต่างได้ 

5. Cognitive Computing 

โมเดลที่พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างระบบ AI ที่สามารถเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ และมีปฏิสัมพันธ์กับคนในสถานการณ์ที่ซับซ้อนขึ้น 

6. Generative AI (Gen AI) 

AI ที่สามารถใช้ข้อมูลดิบมาสร้างข้อมูลใหม่ที่คล้ายกับข้อมูลเดิม โดยสร้างข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ 

ทำไม AI ถึงสำคัญต่อธุรกิจ 

ปัจจุบันในยุคแห่งข้อมูลที่เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ธุรกิจจึงเผชิญทั้งความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ การแสวงหาทางนำข้อมูลที่มีอยู่ในมือมาใช้สร้างผลลัพธ์ จึงเป็นแต้มต่อสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งเป็นจุดที่ AI สามารถเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถได้ในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น  

1. เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงาน  

AI สามารถเข้ามาช่วยทำงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ เพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการทำงาน รวมถึงบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ส่งผลให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และทำให้พนักงานสามารถไปทำงานในส่วนอื่น ๆ ที่ต้องใช้ทักษะความสามารถ และสร้างมูลค่าให้ธุรกิจมากกว่าได้  

2. สร้างประสบการณ์ลูกค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย (Personalization) 

AI สามารถช่วยสร้างประสบการณ์แบบ Personalization ด้วยการจับรูปแบบความชอบหรือความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ซึ่งจะได้ Insight ที่ลึกกว่าการวิเคราะห์แบบทั่วไป ทำให้เข้าใจความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย และคาดการณ์สิ่งที่ลูกค้าน่าจะต้องการในอนาคตได้ตรงจุดยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปออกแบบการสร้างประสบการณ์แบบ Personalized ได้รู้ใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น  

3. ลดรายจ่ายของธุรกิจ จากความสามารถในการทำงานแบบอัตโนมัติ 

AI ทำให้ธุรกิจสามารถใช้งานทรัพยากรต่าง ๆ ให้มีความคุ้มค่ามากที่สุดเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วยบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ บนคลาวด์ให้เป็นไปแบบอัตโนมัติ ตรวจสอบรูปแบบการใช้งานที่ผิดปกติ แนะนำธุรกิจเกี่ยวกับแนวทางการจัดสรรทรัพยากร เพื่อปรับเปลี่ยนการใช้งานให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้งานจริง ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นลง 

4. เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน จากการนำข้อมูลเชิงลึกมาช่วยในการตัดสินใจ 

AI สามารถนำมาช่วยในการตัดสินใจ เสริมการวางกลยุทธ์และวิสัยทัศน์องค์กร ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจในระดับสูงขึ้นไปอีก รวมถึงสร้างความแตกต่าง และความได้เปรียบเหนือองค์กรธุรกิจอื่น ๆ  

ตัวอย่างการใช้งาน AI ในองค์กร (Enterprise AI)  

ในแง่การนำ AI ไปประยุกต์ใช้งานสำหรับองค์กรนั้น เทคโนโลยี AI สามารถเข้าไปช่วยแก้ไขความท้าทาย ด้วยการผสมผสานการใช้งาน AI ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ML, Deep Learning หรือ NLP เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นสูงยิ่งขึ้น เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกที่ธุรกิจสามารถนำไปช่วยแก้ปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการทำงาน หรือสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ โดยตัวอย่างการใช้งาน AI ในองค์กร เช่น 

1. AI Virtual Assistants 

AI แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน สำหรับงานให้บริการลูกค้า ช่วยตอบคำถาม แนะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และแก้ไขปัญหาเบื้องต้นให้ลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น  

2. AI Sales Forecasting 

AI อัลกอริทึมที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายที่ผ่านมา เทรนด์ในตลาด และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อคาดการณ์ยอดขายในอนาคต  

3. AI Predictive Maintenance 

AI สำหรับคาดการณ์ความเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังและข้อมูลปัจจุบัน เพื่อคาดการณ์อนาคต  

4. AI Fraud Detection 

AI สำหรับใช้ตรวจจับการฉ้อโกง โดยวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ จากนั้นระบุและตรวจสอบการทำธุรกรรมฉ้อโกงและพฤติกรรมน่าสงสัย 

แนวทางปรับใช้ AI สำหรับองค์กร 

การสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจจาก AI ไม่ใช่แค่การทำเทคโนโลยีมาใช้งาน แต่ต้องมาจากการวางกลยุทธ์และการจัดลำดับความสำคัญว่า จะนำ AI ไปใช้สร้างคุณค่าให้องค์กรที่จุดไหน และต้องมีความพร้อมเรื่องข้อมูลสำหรับพัฒนาโมเดล AI ให้สร้างผลลัพธ์ได้ตามความต้องการ ดังนั้นก่อนเริ่มนำ AI มาใช้จริง จึงควรมีการวางแนวทางปรับใช้ AI สำหรับองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่  

• วางกลยุทธ์และเป้าหมายของธุรกิจให้ชัดเจนว่า ต้องการนำ AI ไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพในจุดไหน  

• เลือกพัฒนากรณีการใช้งาน (Use Case) ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจได้จริง 

• ประเมินความพร้อมด้านข้อมูลขององค์กร ทั้งในแง่ปริมาณ คุณภาพ และการเข้าถึงข้อมูล  

• เลือกใช้เทคโนโลยี AI ที่เหมาะสมกับองค์กร และความต้องการของธุรกิจ  

• พัฒนาและทดสอบโมเดล AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น  

ในอนาคตความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจที่แตกต่างไปจากเดิม ต่อยอดเทคโนโลยีที่มีอยู่จนพัฒนากลายเป็นนวัตกรรมที่สร้างคุณค่าให้ธุรกิจยิ่งขึ้น บลูบิค (Bluebik) ในฐานะที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร มองว่า องค์กรที่นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ได้อย่างรวดเร็ว ย่อมสามารถสร้างความได้เปรียบและโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต และด้วยความซับซ้อนของเทคโนโลยี AI หากองค์กรต้องการพัฒนาและต่อยอด การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้สามารถทรานส์ฟอร์มองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างการเติบโตในระยะยาว 

สำหรับธุรกิจที่ต้องการวางกลยุทธ์ด้าน AI เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างการเติบโตให้องค์กร บลูบิค (Bluebik) มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data & Advanced Analytics ที่สามารถให้บริการโซลูชันครบวงจร และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ตั้งแต่ระดับกลยุทธ์ไปจนถึงการนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับองค์กร ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาได้ที่ [email protected] หรือโทรศัพท์ 02-636-7011 

ขอบคุณข้อมูลจาก techrepublic, cloud.google, ibm