Career Path

สเตป ABCD สู่การทำงานแบบ International ของ “ออม” และ “แบม” Associate Consultant ประจำ Bluebik

Not many fresh graduates or junior employees get the chance to work abroad, but “Aom Nadrada” and “Bam Supitcha,” Associate Consultants from Bluebik’s international department, are the chosen few to receive this one-of-a-kind opportunity.

15 มกราคม 2568

By Bluebik

2 Mins Read

ว่ากันตามตรง คงมี “เด็กจบใหม่” ไม่กี่คนที่ได้เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศตั้งแต่วันแรกๆ ที่ได้เข้ามาทำงานในบริษัทแห่งใหม่ 

“ออม – ณัฐรดา” และ “แบม – สุพิชชา” คือ 2 Associate Consultant ประจำทีม International Department ผู้ได้รับโอกาสนั้นจาก Bluebik 

ออมคือบัณฑิตหมาดๆ จากหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนแบมนั้นมีประสบการณ์ทำงานในบริษัท Tech มาราว 1 ปีหลังจบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แม้ทั้งคู่จะมีประสบการณ์การแข่งเคสและฝึกงานมาอย่างโชกโชน แต่ก็ไม่มีประสบการณ์ไหนเลยจะเทียบเท่ากับประสบการณ์ที่ได้รับจาก Bluebik แม้เพิ่งเข้าร่วมทีมมาได้ไม่ถึงปี 

“Learning Curve ของเราไม่ได้ขึ้นแบบ Linear แต่ขึ้นแบบ Exponential” ออมเล่าพร้อมทำมือเป็นกราฟพุ่งชันประกอบ 

อย่ารอช้า ไต่กราฟตามสเตป ABCD มาดูกันเลยว่าทั้งคู่ได้เปิดประสบการณ์และเรียนรู้อะไรบ้าง  

Bluebik Global people content TH

สเตป A = Accelerating 

การทำงานที่ Bluebik ช่วยให้ทั้งออมและแบมได้พัฒนาทักษะและเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจัยสำคัญที่เป็นดั่งปุ๋ยเร่งโตคือการลงไปคลุกฝุ่นลุยงานเองตั้งแต่วันแรกๆ ซึ่งพอเป็น Associate Consultant ในทีม International Department ก็แปลว่าได้ไปพบปะและทำงานใกล้ชิดกับลูกค้าถึงที่ต่างประเทศ 

“ในฐานะ First Jobber เราเคยคิดว่าคงต้องใช้เวลากว่าจะได้ไปทำงานเจอลูกค้าแบบ Face-to-face แต่เราได้เจอเลยภายในเวลาไม่ถึงเดือน” ออมเล่าความประทับใจในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา “ซึ่งการได้เจอลูกค้าแบบนี้ทำให้เราได้รับ Feedback จากเขาโดยตรงเลย ทำให้้รู้ว่าสิ่งที่เราคิดมาสามารถนำไปใช้งานในบริษัทลูกค้าได้จริงๆ และได้รู้ด้วยว่าลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มเติมอีก” 

“ขอเสริมด้วย” แบมยกมือ “ด้วยความที่ลูกค้าที่เราไปเจอส่วนใหญ่เขาเป็น C-level หรือ Management Team ซึ่งเป็นคนที่ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญในองค์กร เราเลยได้ไปสัมผัสว่าคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเขาคิดอย่างไร ทำอย่างไร มีมุมมองต่อสิ่งที่เรานำเสนอไปอย่างไร การได้ Feedback จากคนเหล่านี้มันมีคุณค่ามาก” 

แบมเพิ่มอีกมุมมองให้ด้วยว่า “การทำงานที่ Bluebik ทำให้เราเห็นโลกกว้างขึ้น คือก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้เป็นคนโลกแคบนะ มีความรู้รอบตัวประมาณหนึ่งเลย คุยกับคนอื่นได้ทุกเรื่อง แต่พอมาทำงานที่นี่ เราก็เริ่มฟังข่าวเศรษฐกิจตอนเช้า เราเลยเข้าใจ Context โลกมากขึ้น และรู้จักคิดหลายเลเยอร์กว่าเดิม ซึ่งทำให้เราเข้าใจลูกค้าและช่วยเขาได้มากขึ้น ยกตัวอย่างการทำงานกับลูกค้าในประเทศเวียดนาม ซึ่งเขามี Policy หรือ Governance หลายอย่างที่ไม่เหมือนกับของไทย เพราะฉะนั้นเวลาเราคิด Solution ให้ลูกค้า เราก็ต้องเข้าใจ Context ที่แตกต่างออกไปของเขาด้วย”

Bluebik Global team 01

นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังเห็นตรงกันว่าการทำงานที่ Bluebik ช่วยปลดล็อกศักยภาพหลายอย่างในตัวในเวลาอันรวดเร็ว 

“เราเรียนรู้ที่จะ Go with the flow และรู้จักปรับตัวมากขึ้น เพราะบางอย่างเราคาดการณ์ไม่ได้ แต่เราต้องปรับตัวตามสถานการณ์ให้ได้ เช่น Requirement เปลี่ยน เราก็ต้องแก้ Deck (Presentation slides) และคิด Solution ใหม่ให้ได้ภายในเวลาจำกัด เราต้อง Resilient ต้อง Strong และรับผิดชอบทำงานให้สำเร็จจนได้” ออมเล่า 

ส่วนแบมบอกว่าได้อัปสกิลสาย Tech มากขึ้น รวมถึงได้ปลดล็อกทักษะการขวนขวายหาความรู้ในเวลาสั้นๆ อีกด้วย “Background เรามาจากฝั่งธุรกิจ ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้เรื่อง Tech เพิ่มเติมอย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้ว ก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากพี่ๆ ทีม Digital Excellence and Delivery (DX) ซึ่งจัด Meeting แชร์ความรู้ให้” 

“ตอนแรกเราคิดว่าเลเวลที่เราอยู่มันตันแล้ว แต่ปรากฏว่ามันยังปลดล็อกไปได้อีก ค่อนข้างทึ่งกับตัวเองอยู่เหมือนกัน”​ แบมสรุปกลั้วหัวเราะ 

สเตป B = Beyond Standards 

เป็นที่รู้กันว่า การทำงานแบบ Beyond Standards หรือ “เกินมาตรฐาน” คือหนึ่งใน DNA สำคัญของชาว Bluebik ซึ่งแม้จะเพิ่งเข้ามาร่วมทีมได้ไม่นาน ทั้งออมและแบมก็ได้รับการถ่ายทอด DNA นี้เป็นที่เรียบร้อย 

“เราคิดว่าการทำงาน Beyond Standards มีความ Subjective ตรงที่มันขึ้นอยู่กับ Experience และ Expertise ของแต่ละคนด้วย” ออมอธิบาย “สำหรับเรา Beyond Standards คือการท้าท้ายตัวเองให้ลองทำสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน โดยต้องพยายามด้วยตัวเองจนสุดทาง แล้วอันไหนที่ทำไม่ได้จริงๆ ค่อยไปถาม” 

ตรงนี้แบมพยักหน้าเห็นด้วย “มันคือการ Expand Comfort Zone ของเรา Standard คือสิ่งที่เราทำจนชิน อยู่ใน Comfort Zone ของเรา แต่ถ้าเราทำให้มัน Beyond ไปเรื่อยๆ Comfort Zone ของเราก็จะกว้างขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เราเคยมองว่ายาก ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเราในอนาคต เพราะมันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Comfort Zone ของเราแล้ว” 

นอกจากมิติของการพัฒนาตัวเองแล้ว ทั้งคู่ยังได้เรียนรู้การส่งมอบงานแบบ Beyond Standards ให้กับลูกค้าด้วย โดยออมบอกว่า “ถ้าลูกค้ามี Requirement มา 1-10 เราก็ทำ 1-10 ให้ดีที่สุด แล้วทำ 11-15 เผื่อไปให้เขาด้วย เช่น ถ้าเขาอยากให้เราวางแผน 10 ปีให้ เราก็จะคิดเผื่อไปด้วยว่า หลังจาก 10 ปีนี้อาจมีอะไรเกิดขึ้นใน Industry ของเขา แล้วนำเสนอเพิ่มไปด้วย” 

แบมชี้ให้เห็นประโยชน์ของการทำงานเช่นนี้ว่า “การฝึกคิดเป็นสเตปล่วงหน้าแบบนี้ทำให้เราเป็นคนเป๊ะมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ดีกับ Career Progression ของเราในอนาคต” 

สเตป C = Cultures  

ยิ่งได้สัมผัสหลากหลายวัฒนธรรม ยิ่งเป็นคนเข้าใจคนอื่นและปรับตัวเก่ง  

ข้อความนี้เป็นจริงอย่างยิ่งสำหรับออมและแบม ซึ่งได้ทำงานร่วมกับคนหลากหลายเชื้อชาติที่ Bluebik โดยออมยกตัวอย่างความเหมือนและความแตกต่างระหว่างคนไทยและคนเวียดนามให้ฟังว่า “สิ่งที่คล้ายกันคือทั้งคนไทยและคนเวียดนามเป็นคนที่ Supportive ส่วนสิ่งที่แตกต่างคือ คนไทยจะ Compromise กว่า ในขณะที่คนเวียดนามจะ Direct กว่า มีอะไรก็พูดตรงๆ แวบแรกมันอาจดูเหมือนกับการเถียง แต่จริงๆ เขาแค่อยากพูดในสิ่งที่คิดให้หมด ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องดี เพราะเราจะได้เข้าใจกันและกันจริงๆ สมมติว่าเขาไม่ยอมรับสิ่งที่เรานำเสนอ เราก็จะได้รู้เหตุผลไปเลยว่าเพราะอะไร” 

ด้านแบมบอกว่า การทำงานร่วมกับคนที่แตกต่างหลากหลายทำให้มี Empathy มากขึ้น “เราคิดว่าเราเป็นคนมี Empathy อยู่แล้วนะ แต่การทำงานกับคนหลายเชื้อชาติมากขึ้นก็ทำใหเ้รามี Empathy แบบ Beyond ไปอีก เช่น เราจะไม่ Judge เวลาเขาทำอะไรบางอย่างที่เราไม่คุ้นชิน นอกจากนี้ แม้ว่านี่จะเป็นบทเรียนสำคัญที่เราได้จากการทำงาน แต่เราคิดว่ามันส่งผลต่อชีวิตเราด้วย เรากลายเป็นคนมี Empathy กับหลายๆ อย่างมากขึ้น” 

“สำหรับเรา เรากลายเป็นคน Adaptive มากขึ้น” ออมเสริมเรื่องบทเรียนจากการทำงานข้ามวัฒนธรรม “เราพยายามเรียนรู้คนอื่นว่าเขาเป็นอย่างไร รวมทั้งคิดหลายชั้นมากขึ้นว่าเขาคิดและทำแบบนี้เพราะอะไร และอีกหนึ่งข้อที่สำคัญคือ เราเรียนรู้ว่าต้องปรับตัวเข้าหาคนอื่น อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง” 

แบมปิดท้ายว่า “ทีม Bluebik Vietnam น่ารักกับเรามากๆ ค่ะ เสร็จงานเขาก็พาเราไปกินข้าวนอกรอบ ชวนคุยกันเรื่องวัฒนธรรมของไทยและเวียดนาม เรารู้สึกว่าดีมากเลยค่ะ” 

Bluebik Global team 02

สเตป D = Direct  

อีกหนึ่งประสบการณ์หาได้ยากที่ทั้งออมและแบมได้รับที่ Bluebik คือการทำงานใกล้ชิดกับคนระดับ Director และ C-suite ไม่ว่าจะเป็น Martin Simpson หัวเรือใหญ่แห่ง Bluebik Global หรือ พี่เก่ง เจษฎา (Chief Operating Officer: COO) และ พี่นิกกี้ ยศวดี Head of Insurance Sector  

“เมื่อก่อนเราคิดว่าคงต้องเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ถึงจะได้คุยกับคนระดับ Director แต่ที่ Bluebik เราได้ทำงานกับ Director โดยตรง มีปัญหาอะไรก็คุยกับเขาได้ตรงๆ แล้วเขาจะซัปพอร์ตในส่วนที่เขาทำได้ ซึ่งมาร์ตินเป็นคนที่ Flexible และ Chill มาก ต่างจาก Director ใน Perception ของเรา” แบมให้ความเห็น 

ออมเสริมว่า “เราได้เรียนรู้วิธีอธิบายเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่ายจากมาร์ติน เพราะเขาเป็นคนสาย Tech ที่ไม่เหมือน Perception ของคนส่วนใหญ่ เขาสามารถอธิบายเรื่อง Tech ให้คนสาย Business ฟังได้ โดยทริคของเขาคือการใช้ Metaphor มาเปรียบเทียบ เล่าคอนเซปต์ของ Tech Solution ผ่านเรื่องราวหรือสิ่งของในชีวิตประจำวันที่ทุกคนรู้จักดีอยู่แล้ว 

“และนอกจากมาร์ติน เรายังทำงานกับพี่เก่งและพี่นิกกี้ด้วย ซึ่งเวลาเราถามอะไร พี่ๆ เขาก็ยินดีช่วยตอบคำถามเราตลอดเลย อีกอย่างคือ พอเราทำงานกับคนตัดสินใจ เวลาทำอะไรก็จะเร็วมาก เวลามีปัญหาก็แก้ได้ตรงจุด ตอบโจทย์การทำงาน Consult ที่ค่อนข้าง Fast-paced” 

และนี่คือประสบการณ์อันแสนมีค่าที่ออมและแบมได้รับ หลังจากร่วมทีม Bluebik ได้ไม่นาน ลำพังแค่สเตป ABCD ในช่วงแรกๆ ยังเข้มข้นขนาดนี้ คิดดูว่าสเตปต่อๆ ไปจะสนุกสนานและท้าทายขนาดไหน 

สำหรับใครที่สนใจมาเปิดประสบการณ์แบบออมและแบม สามารถดูตำแหน่งงานที่เปิดรับได้ที่ https://bit.ly/careersatBBIK เลย! 

15 มกราคม 2568

By Bluebik