fbpx
บทความ 20 ธันวาคม 2024

Dark Web: พื้นที่ลับของโลกอินเทอร์เน็ต

โลกอินเทอร์เน็ตเปรียบเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ที่มีทั้งส่วนที่เรามองเห็นหรือรู้จักกันในนาม Surface Web และส่วนที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำอย่าง Deep Web และ Dark Web ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเข้าถึงอย่างจำกัด  

บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ Dark Web โลกอินเทอร์เน็ตที่ไม่ใช่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และเต็มไปด้วยความลึกลับ การซื้อขายที่ผิดกฎหมาย และภัยคุกคามทางไซเบอร์ 

Open Web, Deep Web และ Dark Web แตกต่างกันอย่างไร 

Surface Web (Open Web):

พื้นที่อินเทอร์เน็ตที่สามารถเข้าถึงผ่าน Search Engine ทั่วไป เช่น Google, Facebook, หรือ Amazon ซึ่งคิดเป็นเพียง 4% ของข้อมูลทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ต 

Deep Web:

ส่วนที่ไม่ได้ถูกทำดัชนีโดย Search Engine เช่น ฐานข้อมูลขององค์กร, อีเมล, หรือเว็บไซต์ที่ต้องใช้การล็อกอิน บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ (Cloud Storage) และฐานข้อมูลของบริษัท เป็นต้น โดยข้อมูลที่อยู่ในพื้นที่นี้มีสัดส่วนถึง 90% ของคอนเทนต์ทั้งหมด 

Dark Web:

หรือ เว็บฯใต้ดินเป็นส่วนหนึ่งของ Deep Web ที่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น TOR Browser เพื่อเข้าถึง มีการใช้งานทั้งในด้านลบและด้านบวก 

ในอดีตกลุ่มคนที่เข้าใช้งาน เว็บฯใต้ดิน ส่วนใหญ่ คือ อาชญากรไซเบอร์และรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ เพื่อใช้ส่งข่าวและซื้อขายข้อมูล/สินค้าหรือบริการผิดกฎหมายย แต่ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเข้ารหัสทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงเว็บไซต์เหล่านี้ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก ซึ่งหนึ่งในเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการใช้เข้า Dark Web คือ TOR  

TOR Browser เป็นบริการที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งระบบปฏิบัติงาน TOR เป็นแบบกระจายศูนย์ (Decentralized System) ที่ผู้ใช้งานจะต้องทำการเชื่อมต่อกับเครือข่ายของเครื่องตัวกลางอื่น ๆ  รายงานของ Statista เปิดเผยว่าจำนวนผู้ใช้งาน TOR Browser เคยทำสถิติสูงสุดถึง 9 ล้านคนในวันที่ 21 ตุลาคม 2566  

การใช้งาน TOR Browser เหมือนกับการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ทั่วไปที่ต้องมีการดาวน์โหลดและติดตั้งเสียก่อน แต่ TOR จะทำให้ผู้ใช้งานปลอดภัยจากการตรวจจับของรัฐบาล แฮกเกอร์และ Google Ads อีกทั้งข้อมูลของผู้ใช้งานจะถูกเก็บไว้ในแพ็คเกจที่มีการเข้ารหัสก่อนส่งผ่านทางเครือข่ายของ TOR   

ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Dark Web 

  • การเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย และ Search Engine ทั่วไปก็ไม่สามารถหาเจอได้ บ่อยครั้งที่ Dark Web นั้น ๆ ก็หายไปหรือเปลี่ยนไปจากเดิม 
  • คุณสามารถเจอ Malware มากมายใน Dark Web แม้แต่ Tor Browser ก็ยังมีมัลแวร์ซ่อนตัวอยู่ นอกจากนี้คุณยังอาจเจอปัญหาในภายภาคหน้าหากเข้าไปดูคอนเทนต์ผิดกฎหมายได้อีกด้วย 
  • Dark Web เป็นดินแดนที่มีอิสระภาพในการเผยแพร่ข้อมูล เป็นพื้นที่ Free Speed สำหรับคนที่ต้องการนำเสนอข้อมูลที่รัฐบาลตนเองต้องการปกปิดหรือหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ เช่น ผู้สื่อข่าว และนักเคลื่อนไหวทางสังคม เป็นต้น 
  • มีห้องแสดงความเห็น (Forum) ที่ต้องใช้รหัสผ่านในการเข้าถึงมากมาย ดังนั้น ผู้ใช้งานจะต้องได้รับการเชิญจากคนในกลุ่ม ซึ่งการพูดคุยหรือแสดงความคิดเห็นในฟอรัมทำได้อย่างเสรีและเรียลไทม์ บางครั้งสปายของหน่วยงานรัฐก็แอบซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเพื่อสังเกตุการณ์  

สถิติน่าสนใจของ Dark Web 

  • ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลผิดกฎหมายที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ บัญชีคริปโต บัญชีธนาคารออนไลน์ และ กระเป๋าเงินดิจิทัล ตามลำดับ 
  • 5 อุตสาหกรรมที่มักตกเป็นเป้าหมายโจมตีจากเว็บฯใต้ดิน มากที่สุด คือ  
  1. การศึกษาและวิจัย  
  1. การเงินและประกัน  
  1. สุขภาพและการผลิตยา  
  1. รัฐวิสาหกิจ 
  1. ค้าปลีก  

Dark Web ส่งผลกระทบอย่างไรต่อธุรกิจ 

แม้ว่า Dark Web ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมประจำวันของธุรกิ แต่องค์กรก็มิอาจละเลยผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากพื้นที่ดังกล่าวได้แก่ 

  • ความเสียหายทางการเงิน: เมื่อข้อมูลสำคัญขององค์กรถูกขโมยและขายในเว็บฯใต้ดิน อาจส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางการเงินมหาศาล จากการเรียกค่าไถ่ไซเบอร์ (Ransomware) ถอนเงินออกจากบัญชี หรือฉ้อโกง  
  • เสื่อมเสียชื่อเสียง: หากข้อมูลองค์กรรั่วไหลใน Dark Web ย่อมทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์กรหรือแบรนด์สินค้าลดลงไปด้วย 
  • ปัญหาการดำเนินงาน: การละเมิดข้อมูลอาจทำให้องค์กรต้องเผชิญกับภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ  อาทิ เครือข่ายล่มจากการโจมตีไซเบอร์ ส่งผลต่อกระบวนการทำงานและการให้บริการ 
  •  ความเสี่ยงทางกฎหมาย: ธุรกิจที่อยู่ภายใต้ข้อบังคับหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล อาจถูกฟ้องร้องและเสียค่าปรับทางกฎหมายได้  

Dark Web เป็นส่วนที่ซับซ้อนที่สุดของโลกออนไลน์ คนจำนวนมากใช้ Dark Web ปกป้องและปิดบังตัวตนเพื่อใช้งานทั้งแบบถูกและผิดกฎหมาย หากมองในแง่ดีมีคนจำนวนไม่น้อย อาทิ ผู้สื่อข่าวใช้ที่พื้นที่ดังกล่าวเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว ก่อนเผยแพร่ข้อมูลที่อาจถูกปิดกั้นจากการใช้ความรุนแรงของรัฐบาล     

อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า ‘Dark Web’ เป็นแหล่งรวมแก๊งอาชญากรไซเบอร์ มีทั้งการขายยาเสพติด ข้อมูล มัลแวร์ รวมถึงบริการโจมตีไซเบอร์ ดังนั้น Dark Web จึงเปรียบเสมือนตลาดมืดและศัตรูตัวฉกาจของคนทำงานสาย Cybersecurity และบุคคลทั่วไปควรหลีกให้ห่างเพราะการเข้าไปอยู่ในนั้นอาจทำให้คุณตกอยู่ในความเสี่ยงแบบไม่รู้ตัว 

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก clearias, cyberdefensemagazine, preyproject