fbpx
Insights 3 December 2024

จับตา 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญปี 68 พลิกโฉมอนาคตธุรกิจ

ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ธุรกิจที่ไม่รู้เท่าทันเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญใหม่ ๆ ตกอยู่ในความเสี่ยง เห็นได้จากธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่ถูกดิสรัปชันจนต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้เล่นรายใหญ่เป็นรายเล็ก หรือหายไปจากตลาดอย่างน่าเสียดาย   

ปี 2568 จะเป็นอีกปีที่องค์กรธุรกิจยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ที่ได้รับผลมาจากเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ นำโดยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) โดยล่าสุด Gartner ชี้ 10 เทคโนโลยีสำคัญที่องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องรู้ในปีหน้า  

  1. AI แบบดั้งเดิมสู่ Agentic AI: คุณสมบัติของ Agentic AI สามารถวางแผนหรือดำเนินการโดยอัตโนมัติ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ผู้ใช้งานกำหนด แบ่งเบาและสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ ตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจยุคใหม่ ขีดความสามารถเหล่านี้จะผลักดันให้องค์กรหันมาใช้งาน Agentic AI ซึ่ง Gartner ประเมินว่าจะมีการใช้ Agentic AI ตัดสินใจในกระบวนการทำงานซ้ำซากอย่างน้อยร้อยละ 15 ภายในปี 2571   
  1. แพลตฟอร์มกำกับดูแล AI:  ความกังวลเกี่ยวกับอคติของ AI ก่อให้เกิดการพัฒนาแพลตฟอร์มกำกับดูแล AI (AI Governance Platforms and Tools) โดยมีเป้าหมาย คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และจริยธรรมของโมเดล ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จาก AI มีข้อมูลสนับสนุนอ้างอิงหรือหลักฐานที่น่าเชื่อถือ เป็นเหตุเป็นผลและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน  ซึ่ง Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 องค์กรที่นำแพลตฟอร์มการกำกับดูแล AI มาใช้อย่างครอบคลุม จะประสบกับเหตุการณ์ด้านจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับ AI น้อยลงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับองค์กรที่ไม่มีระบบดังกล่าว 
  1. เทคโนโลยีตรวจจับข้อมูลปลอมแปลง: นอกจากการใช้งานเชิงสร้างสรรค์แล้ว อีกมุมหนึ่ง Generative AI ยังเป็นเครื่องมือให้อาชาญกรไซเบอร์ สร้างสื่อสังเคราะห์ (Synthetic Media) เช่น วิดีโอ เสียงหรือรูปภาพปลอมแปลง เป็นบุคคลหรือองค์กร ดังนั้นการพัฒนาเครื่องมือตรวจจับข้อมูลปลอมแปลงจึงเป็นอีกเทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจระบุ Deepfakes หรือตรวจจับสื่อสังเคราะห์ ด้วยการประเมินความถูกต้องและตรวจจับการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ โดยภายในปี 2571 Gartner คาดว่าร้อยละ 50 ขององค์กรจะเริ่มนำผลิตภัณฑ์ บริการ หรือฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับข้อมูลปลอมแปลง เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีการใช้งานเทคโนโลยีนี้น้อยกว่าร้อยละ 5  
  1. การเข้ารหัสแบบ Post-Quantum Cryptography (PQC): เมื่อเร็ว ๆ นี้มีเผยแพร่มาตรฐานการเข้ารหัสแบบ PQC อย่างเป็นทางการ จากรายงานของ Gartner ประเมินว่า PQC จะกลายเป็นประเด็นสำคัญในโลกไซเบอร์ซิเคียวริตี้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ผู้นำด้านไอทีจะต้องเปลี่ยนระบบการเข้ารหัสทั้งหมดให้เป็นอัลกอริธึมแบบ PQC ที่สามารถป้องกันการถอดรหัสทั้งจากคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมและควอนตัม ล่าสุด The U.S. National Institute of Standards and Technology – NIST เปิดตัว Three Encryption Algorithms เพื่อต่อสู้กับการโจมตีไซเบอร์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการแวดวงไอที 
  1. การปรับใช้ Tags และ Sensors แบบไร้สายในพื้นที่ทำงาน: ต้นทุนที่ถูกลงของอุปกรณ์ Tags และ Sensors แบบไร้สายจะทำให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีนี้มากขึ้น เพื่อใช้ติดตามสินค้าคงคลัง ตรวจสอบสถานะการขนส่งและดูแลอุปกรณ์/เครื่องจักร ในพื้นที่หรือกระบวนการที่องค์กรไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ในอดีต (นอกจากให้คนไปตรวจสอบด้วยตนเอง) ส่งผลให้ธุรกิจได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและกระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น  
  1. ลดการใช้พลังงานของเทคโนโลยีการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูล: องค์กรกำลังมุ่งไปสู่การใช้พลังงานสะอาดหรือบริการ Green Cloud แทนระบบอัลกอริทึมที่กินพลังงานสูง หรือให้ความสำคัญกับการลดใช้พลังงานใน Generative AI อย่างจริงจัง ด้วยการย้ายไปใช้บริการผู้ให้บริการคลาวด์ที่ใช้พลังงานสะอาด ปรับปรุงโค้ดหรืออัลกอริทึมให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างการจัดเก็บข้อมูลแบบ DNA 
  1. เทรนด์การประมวลผลแบบไฮบริดกำลังมา: องค์กรต่าง ๆ จะใช้วิธีการประมวลผลแบบผสมผสานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในอนาคต โดยการบูรณาการและจัดการเทคโนโลยีการประมวลผลหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน ได้แก่ CPU, GPU, การประมวลผลแบบ Edge, การประมวลผลเชิงควอนตัม, การประมวลผลแบบ Optical Computing และการจัดเก็บข้อมูลแบบ DNA ซึ่งการประมวลผลแบบไฮบริดนี้จะช่วยปลดล็อคศักยภาพของ AI อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย 
  1. ยกระดับการใช้ Spatial Computing ในโลกความจริง: Spatial Computing จะนำความจริงทางกายภาพผสมผสานเข้ากับโลกดิจิทัล ทำให้มนุษย์สามารถปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ในพื้นที่ 3 มิติผ่านอุปกรณ์ เช่น Augmented Reality Headsets เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์และแอปพลิเคชันนี้จะถูกพัฒนาให้สนับสนุนกระบวนการที่ต้องตัดสินใจในทันที 
  1. หุ่นยนต์เอนกประสงค์ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย: Polyfunctional Robots หรือหุ่นยนต์เอนกประสงค์ ที่สามารถทำงานหลายอย่างและมีแอปพลิชันที่ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเปลี่ยนบทบาทหน้าที่และทักษะผ่านการสอนแทนการเปลี่ยนโค้ดหรือโปรแกรมใหม่  
  1. การเพิ่มขีดความสามารถระบบประสาทวิทยา: Neurological Enhancement ช่วยปรับปรุงขีดความสามารถทางปัญญาของมนุษย์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีอ่านและถอดรหัสกิจกรรมของสมอง ซึ่งปรากฎการณ์นี้จะนำไปสู่การปลดล็อคศักยภาพใน 3 ด้านหลักดังนี้ 1) การยกระดับทักษะของมนุษย์ 2) การการตลาดแบบใหม่ และ 3) การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งความสามารถทางปัญญาที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้แบรนด์สินค้ารู้ว่าผู้บริโภคคิดและรู้สึกอย่างไร และประสิทธิผลเพิ่มขึ้น 

                เห็นได้ชัดเจนว่าเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี AI ที่สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างแม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของกระแสนิยม แต่ก็พร้อมจะเข้ามาเขย่าและเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบและกระบวนการทำงานของธุรกิจ องค์กรที่ให้ความสำคัญและเตรียมพร้อมย่อมได้เปรียบ ในขณะที่องค์กรที่ปรับตัวช้าอาจสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันได้ คำถามสำคัญ คือ “องค์กรคุณพร้อมแค่ไหนกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น?” 

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก gartner