fbpx
Our people’s stories 8 July 2021

รีวิวประสบการณ์ทำงาน สายนักพัฒนาที่ Bluebik

Bluebik : รู้หรือไม่ ? ว่า Bluebik เป็นอีกหนึ่ง Destination สำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในสาย Technology และ Developer จำนวนมากด้วยตัวเนื้องานเองที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้อย่างครบตั้งแต่การทำ Programming, Product Development, Application Modernization ไปจนถึงการวางแผนกลยุทธ์สำหรับธุรกิจ อีกทั้งยังได้รวมงานกับองค์กรขนาดใหญ่มากมาย จึงทำให้การร่วมงานกับ Bluebik นอกจากจะได้ทั้งโปรไฟล์และทักษะเฉพาะทางที่เข้มข้น ยังเสริมศักยภาพของการเติบโตเป็นผู้บริหารในอนาคตได้เช่นกัน

รู้จักกับ Bluebik

กวิน กระป๋อง : Bluebik เป็นบริษัทคอนซัลต์ที่ปรึกษาสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ในการทำ Digital Transformation เพื่อให้องค์กรสามารถปลดล็อกศักยภาพทางเทคโนโลยีและก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการแข่งขันของตลาดได้ จุดเด่นของ Bluebik คือการให้บริการแบบครบวงจร (End-to-end) ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ ไปจนถึงการลงมือพัฒนาแอปพลิเคชัน ปรับปรุงกระกวนการและระบบให้มีความทันสมัยขึ้น พร้อมรองรับกับเทคโนโลยีและการแข่งขันในอนาคต ด้วยความที่ Bluebik มีพร้อมทั้งแต่ Project Manager, Software Engineer, UX/UI Designer, Business Analyst, Tester และอีกหลายตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา จึงทำให้ Bluebik ไม่ใช่แค่การให้คำแนะนำเท่านั้น แต่ยังคือการสร้างผลงานให้ลูกค้าสามารถนำไปใช้ ที่จะเปลี่ยนจากความตั้งใจขององค์กรให้เกิดขึ้นมาเป็นความสำเร็จได้จริง

กระป๋อง : เพิ่มเติมคือทีม Digital Excellence & Delivery (DX) ได้รับความสนใจจากคนทำงานสาย IT อย่างมากเนื่องจากเป็นหน่วยงานสำคัญและรวมนักพัฒนา นักออกแบบ นักวางแผนที่มีความสามารถหลากหลายไว้ในทีมเดียวกัน ทีมของเราไม่ได้เป็น Software house ที่คอยรับ Requirement จากลูกค้า แต่ทีมสามารถ Add value ได้ผ่านการวางแผนธุรกิจ คิด Features เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจให้เหมาะสมกับ User แต่ละองค์กรหรือหน่วยงานทั้งปัจจุบันและอนาคต รวมถึงการพัฒนาออกมาเป็นชิ้นงานที่สามารถนำไปใช้งานได้อย่างครบวงจร จึงทำให้มีงานที่ท้าทาย ได้เรียนรู้ธุรกิจ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอยู่เสมอ

แล้วทีม Digital Excellence & Delivery เป็นอย่างไร ?

กวิน กระป๋อง : ในแต่ละ Project ทีม DX เราจะใช้วิธีการทำงานแบบ Agile โดยแบ่งงานออกเป็น Sprint ย่อย ๆ และจะมีการแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ทีมหลัก ๆ ที่จะทำงานร่วมกันคือ

  • Discovery Team ที่จะประกอบด้วย Product Manager, UX/UI Designer, System Analyst และ Business Analyst เป็นต้น รับผิดชอบหน้าที่ในการทำ User research โดยการค้นหา Pain point หรือแนวโน้มโอกาสต่าง ๆ มาพัฒนาเป็นไอเดียที่สามารถต่อยอดในทางธุรกิจได้ พร้อมร่วมระดมสมองกับทีมและผู้ใช้งานถึงกลุ่มเป้าหมายและการสร้าง Use case ก่อนกำหนดออกมาเป็น Product
  • และ Delivery Team รับผิดชอบในส่วนของ Implementation นำโดย Software Engineer และ Tester ได้พัฒนาต่อไป ซึ่งเบื้องต้นเราจะพัฒนาออกมาเป็น MVP (Minimum Variable Product) เพื่อออกไปทดสอบกับผู้ใช้งานและรับ Feedback กลับมาพัฒนาต่อไป ซ้ำ ๆ เป็น Cycle ของ Sprint
Source : https://ichi.pro/th/thung-wela-bxk-la-dual-track-agile-laew-hrux-yang-93328390027340

แต่ละคนรับผิดชอบหน้าที่อะไรกันบ้างในทีม Digital Excellence & Delivery

กวิน : กวินจะอยู่ในส่วนของทีม Delivery รับผิดชอบในส่วนของการพัฒนา Front-end โดยช่วงก่อนหน้านี่จะพัฒนาเป็น Mobile Application เป็นหลัก ซึ่ง Framework ที่ใช้เขียนก็จะเป็น React Native เนื่องจากมีความยืดหยุ่นและหลากหลายกว่า แต่ในช่วงหลังได้ไปคุยกับพี่ ๆ ว่าอยากได้ประสบการณ์ที่ท้าทายแล้วก็หลากหลายมากขึ้น จึงได้เริ่มมาพัฒนา Web Application มากขึ้น ที่นี่ค่อนข้างดีที่สามารถคุยกันได้ง่ายว่าเราอยากได้อะไร ก็สามารถเลือกทำงานที่ชอบได้ การทำ Web Application ก็จะใช้เป็น React กับ Angular เป็นหลักในการพัฒนา ซึ่งอาจจะแตกต่างกับ Mobile Application อยู่บ้าง แต่ด้วย Logic และ Format ต่าง ๆ มีความคล้ายคลึง จึงสามารถสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ ซึ่งอุตสาหกรรมที่กวินได้รับมอบหมายจะเกี่ยวกับธนาคารและประกันภัยเป็นหลัก

กระป๋อง : กระป๋องจะรับผิดชอบเป็น Project Manager ที่จะช่วยดูแล Project ต่าง ๆ ในทีม DX จึงมีหน้าที่ในการดูแลภาพรวมทั้งในเชิงของธุรกิจ การติดต่อกับลูกค้า และเชิงของการบริหารงานกับทีมให้สามารถส่งมอบงานตามกำหนดเวลาและคุณภาพงานที่ประทับใจ รวมถึงให้คำปรึกษาการทำงานกับทีม ซึ่งตรงนี้ก็มีทั้งความกดดันและความท้าทาย ในการดูแลความเป็นอยู่ของทีมให้มีความสุขและประสิทธิภาพที่ดีไปพร้อม ๆ กัน โดย Project ที่กระป๋องได้รับส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับธนาคาร โทรคมนาคม และอุตสาหกรรมการผลิต เป็นต้น

Environment ในการทำงานและ Culture ของทีมเป็นอย่างไร

กวิน : สิ่งแรกที่ชอบคือการทำงานร่วมกับคนที่มีอายุและความคิดใกล้เคียงกัน อยู่ช่วงประมาณ 25-30 ปี จึงทำให้เรารู้สึกเปิดใจและสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว และด้วยความที่ Bluebik เป็น flat organization จึงทำให้ทีมมีความใกล้ชิดกันค่อนข้างสูงและไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้ากับลูกน้อง

กระป๋อง : อาจจะขอเป็นเสริมจากน้องกวินคือที่ Bluebik เราจะทำงานกันแบบเป็นทีม ไม่ว่าจะเป็นทั้งลูกค้าหรือทีมของเรากันเอง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการเข้าใจซึ่งกันและกัน จึงทำให้บรรยากาศการทำงานค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าบางช่วงอาจจะมีอุปสรรคหรือปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็จะช่วยกันแก้ และพูดคุยกันอยู่เสมอ อีกทั้งด้วยตำแหน่งของกระป๋องคือการผลักดันน้องในทีมให้เติบโตด้วย เราก็จะพยายามสร้างเวทีให้น้องได้มีโอกาสแสดงศักยภาพอยู่เสมอ การทำงานที่นี่จึงค่อนข้างที่จะอบอุ่น รวมถึงที่นี่ก็มีการจัดกิจกรรมกันอยู่อย่างต่อเนื่องทั้งจาก HR และเพื่อนกันเองในทีม ให้ทุกคนได้มีโอกาสได้เข้ามาเจอกัน สานสัมพันธ์กันอยู่เสมอ

จริง ๆ วันนี้จะมากินบุฟเฟ่ต์กัน แต่ลูกค้าทักมาพอดี แก้แปบเดียวเท่านั้นเอง

Club ชมรมคน Bluebik

กวิน : ช่วงก่อนหน้าที่สถานการณ์โควิดจะระบาดหนัก ที่ Bluebik ก็จะมีการรวมกลุ่มออกมาเป็นชมรมตามความชอบของพนักงานแต่ละคน (แอบกระซิบว่ามีเงินสนับสนุนให้ด้วย) เพื่อให้พนักงานทุกคนได้ใช้เวลาว่างตามความชอบด้วยกัน เช่น ชมรมแบตมินตัน (จริง ๆ ชื่อใน LINE คือชื่อ หมูแข็งแรง) ที่พนักงานจะนัดรวมกลุ่มกันออกไปตีแบตหลังเลิกงานกัน หรือมีแม้กระทั่งกลุ่มนัดกินบุฟเฟ่ต์ สำหรับสายกิน เล่นเกมยิง Laser กันอยู่ประจำ

ช่วงหลังนี้ด้วยสถานการณ์ Work from home ด้วย ทีมก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาอยู่กันบน Discord ที่กลายเป็นห้องให้ทุกคนได้พูดคุยหรือทำกิจกรรมร่วมกัน แยกกันเป็นห้อง ๆ ตามความสนใจ เช่น ห้องเล่นเกม ห้องดูหนัง ห้องกินข้าวเที่ยง เป็นต้น ซึ่งช่วยให้เราสามารถยังรักษา Relationship ได้อยู่แม้จะห่างไกลกัน

Tech Talk ประจำเดือน

กวิน : คล้าย ๆ กับ Knowledge Sharing ที่มีทั้งพนักงานด้วยกันเองที่จะมานำเสนอความรู้ใหม่ ๆ ที่ได้ไปเจอมาและน่าสนใจ ให้ออกมาเล่าเป็นเรื่องราวให้กับทีมได้ฟังกัน รวมไปถึงการเชิญชวนผู้บริหารจากองค์กรใหญ่ ๆ ข้างนอกให้เข้ามาเป็น Speakers นำเสนอไอเดียหรือเทรนด์สำหรับการต่อยอดในการทำงานได้ด้วย

Bluebik : ที่ Bluebik มีความน่าสนใจในการสร้าง Culture ของที่นี่อยู่ 5 ข้อคือ

  1. Always Outstanding ไม่หยุดแค่ดีพอ แต่ต้องดีที่สุด
  2. People First เราอยู่กันแบบใจ ๆ เพราะ “คน” สำคัญที่สุด
  3. Start with Action ไม่ใช่แค่คิดอย่างเดียว แต่เราลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง
  4. Together is Better เพราะเราทำงานกันเป็นทีม
  5. My Blood is Blue ทุกคนภูมิใจที่ได้เป็น Bluebik

จะเห็นว่าไม่ใช่แค่ Culture ขององค์กรที่ผลักดันให้พนักงานทุกคนเป็น Giver ในการช่วยเหลือทีม และสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและสร้างสรรค์งานที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่ดีพอให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของ “คน” ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่เพียงภายในทีม Digital Excellence & Delivery เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทั้งองค์กรด้วย ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้คนได้สานสัมพันธ์กัน และเป็นมากกว่าแค่เพื่อนร่วมงาน

ได้เรียนรู้อะไรจาก Bluebik

กระป๋อง : ด้วยความที่กระป๋องเป็นหนึ่งในคนแรก ๆ ที่ร่วมงานกับ Bluebik ตั้งแต่ก่อตั้ง ก็จะเห็นภาพรวมของการทำงาน เข้าใจการทำงานของ Bluebik คุณภาพงานที่เรารักษาไว้ จึงได้รับโอกาสให้เติบโตอยู่เสมอ ว่าที่ Bluebik ไม่ได้มาเพียงแค่พัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันให้จบเป็น Project แต่มักจะได้รับมอบหมายให้ Maintain คุณภาพงานอยู่เสมอ จึงเป็นเหมือนอีกหน้าที่หนึ่งของกระป๋องที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้มีการเติบโตอยู่เรื่อย ๆ สามารถตอบโจทย์การดำเนินงานของธุรกิจในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง Bluebik ยังสนับสนุนและเปิดโอกาสให้ได้ไปลงคอร์สเรียน รวมถึงการสอบ Certification ระดับโลกด้วยเช่นกัน จึงทำให้เราสามารถมีความรู้ติดตัวไปด้วยได้เสมอ

กวิน : เนื่องจากการที่ได้ทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งการได้ทำงานในส่วนใหม่ ๆ ที่เราสนใจ ทำให้เราสามารถได้พัฒนาทักษะในด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเติบโตในสายอาชีพอยู่เสมอ ทั้งในเชิงการเป็น Software Engineer และโอกาสในการเรียนรู้เรื่องธุรกิจ เพราะเราถูกสอนมาให้เข้าใจโจทย์ของธุรกิจ เพื่อที่จะได้ส่งมอบงานที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าได้

กระป๋อง : แต่ถ้าถามในอีกมุมว่าอย่างเราในฐานะพี่ เราจะผลักดันให้น้องในทีมได้เรียนรู้อะไรบ้าง ก็คือว่าทีมจะเปิดโอกาสให้น้องทุกคนได้มีสิทธิในการออกความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอยู่เสมอ จึงช่วยฝึกเรื่องกระบวนการคิดและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดความแปลกใหม่อยู่ตลอด รวมถึงการให้ฝึก Lead project ต่าง ๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น เช่น การรักษากำหนดเวลา การติดต่อกับลูกค้าเอง เป็นต้น ส่งเสริมให้น้องทุกคนสามารถเติบโตในสายงานได้อย่างต่อเนื่อง และรวมไปถึงน้อง ๆ ฝึกงานด้วยเช่นกัน จากประสบการณ์ของกระป๋องที่ดูแลน้องฝึกงานมาหลายรุ่นมาก ก็คือจะให้น้องได้เรียนรู้งานจริง ๆ ส่งงานจริง ๆ ที่ Bluebik จะสอนให้ทุกคนได้เรียนรู้ พัฒนา และพร้อมเติบโตไปข้างหน้าอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเราจะล้มแต่ก็จะล้มไปข้างหน้า

ทำที่ Bluebik แล้วดียังไง ?

กวิน : จากที่เล่ามาทั้งหมดวินคิดว่าข้อดีของ Bluebik คือการเปิดโอกาสให้เรียนรู้อยู่เสมอ จึงทำให้วินรู้สึกว่าทำงานที่นี่แล้วสนุก ไม่น่าเบื่อ และได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา รวมถึงบรรยากาศภายในทีมและองค์กรที่เข้าถึงง่าย ใกล้ชิด จึงยิ่งช่วยสนับสนุนการเรียนรู้อยู่เสมอ เวลามีปัญหาต่าง ๆ ก็สามารถได้คำแนะนำที่นำไปใช้ได้จริงและไม่ทำให้เกิดการปั่นทอนจิตใจด้วย จึงค่อนข้างประทับใจและเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเติบโตในสาย IT

กระป๋อง : และแน่นอนว่า Benefit ของ Bluebik เองก็ไม่น้อยหน้าบริษัทอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งเงินเดือน โบนัส ค่าเดินทางไปนอกสถานที่ รวมถึงค่ารักษาพยาบาล บอกได้เลยว่าจะมีที่ไหนที่เห็นความสำคัญของพนักงานที่ให้ได้แม้กระทั่งค่าพบจิตแพทย์ และค่ารักษากายภาพ ไม่ใช่ว่าที่นี่เราทำงานกันหนักมากหรอกนะ แต่เพื่อสุขภาพที่พร้อมทั้งกายและใจของพนักงานต่างหากที่เราต้องการ เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขและสร้างสรรค์งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ นอกจากนี้ที่ Bluebik เรายังมีเงินสนับสนุนให้กับ Talent ในการเรียนต่อปริญญาโท หรือแม้กระทั่งการลงเรียนคอร์สต่าง ๆ และสอบ Certificate ด้วยเช่นกัน หากใครที่กำลังสนใจอยากจะเติบโตในสายนี้ละก็บอกได้เวลาว่ามีโอกาสมากมายเลยทีเดียว

Bluebik : สุดท้ายนี้ ถ้าสาย IT คนไหนสนใจมาร่วมงานกันที่ Bluebik ก็ตามสมัครเข้ามาได้เลยที่

Business Analyst : http://ow.ly/kGf350Eu7Xn
Software Development : http://ow.ly/Pqy750Eu7Xr
UX/ UI Designer : http://ow.ly/4SFK50Eu7Xp
Tester : http://ow.ly/ijmJ50Eu7Xt
System Analyst : http://ow.ly/CoJ350Eu7Xx
Tech Lead : http://ow.ly/itCE50Eu7Xq

ดูรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bluebik.com/career

หรือ Inbox Facebook เข้ามาเพื่อพูดคุยสอบถามข้อมูลกับทีม HR ได้โดยตรง