ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ธุรกิจที่ไม่รู้เท่าทันเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญใหม่ ๆ ตกอยู่ในความเสี่ยง เห็นได้จากธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่ถูกดิสรัปชันจนต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้เล่นรายใหญ่เป็นรายเล็ก หรือหายไปจากตลาดอย่างน่าเสียดาย
ปี 2568 จะเป็นอีกปีที่องค์กรธุรกิจยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ที่ได้รับผลมาจากเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ นำโดยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) โดยล่าสุด Gartner ชี้ 10 เทคโนโลยีสำคัญที่องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องรู้ในปีหน้า
- AI แบบดั้งเดิมสู่ Agentic AI: คุณสมบัติของ Agentic AI สามารถวางแผนหรือดำเนินการโดยอัตโนมัติ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ผู้ใช้งานกำหนด แบ่งเบาและสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ ตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจยุคใหม่ ขีดความสามารถเหล่านี้จะผลักดันให้องค์กรหันมาใช้งาน Agentic AI ซึ่ง Gartner ประเมินว่าจะมีการใช้ Agentic AI ตัดสินใจในกระบวนการทำงานซ้ำซากอย่างน้อยร้อยละ 15 ภายในปี 2571
- แพลตฟอร์มกำกับดูแล AI: ความกังวลเกี่ยวกับอคติของ AI ก่อให้เกิดการพัฒนาแพลตฟอร์มกำกับดูแล AI (AI Governance Platforms and Tools) โดยมีเป้าหมาย คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และจริยธรรมของโมเดล ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จาก AI มีข้อมูลสนับสนุนอ้างอิงหรือหลักฐานที่น่าเชื่อถือ เป็นเหตุเป็นผลและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน ซึ่ง Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 องค์กรที่นำแพลตฟอร์มการกำกับดูแล AI มาใช้อย่างครอบคลุม จะประสบกับเหตุการณ์ด้านจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับ AI น้อยลงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับองค์กรที่ไม่มีระบบดังกล่าว
- เทคโนโลยีตรวจจับข้อมูลปลอมแปลง: นอกจากการใช้งานเชิงสร้างสรรค์แล้ว อีกมุมหนึ่ง Generative AI ยังเป็นเครื่องมือให้อาชาญกรไซเบอร์ สร้างสื่อสังเคราะห์ (Synthetic Media) เช่น วิดีโอ เสียงหรือรูปภาพปลอมแปลง เป็นบุคคลหรือองค์กร ดังนั้นการพัฒนาเครื่องมือตรวจจับข้อมูลปลอมแปลงจึงเป็นอีกเทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจระบุ Deepfakes หรือตรวจจับสื่อสังเคราะห์ ด้วยการประเมินความถูกต้องและตรวจจับการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ โดยภายในปี 2571 Gartner คาดว่าร้อยละ 50 ขององค์กรจะเริ่มนำผลิตภัณฑ์ บริการ หรือฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับข้อมูลปลอมแปลง เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีการใช้งานเทคโนโลยีนี้น้อยกว่าร้อยละ 5
- การเข้ารหัสแบบ Post-Quantum Cryptography (PQC): เมื่อเร็ว ๆ นี้มีเผยแพร่มาตรฐานการเข้ารหัสแบบ PQC อย่างเป็นทางการ จากรายงานของ Gartner ประเมินว่า PQC จะกลายเป็นประเด็นสำคัญในโลกไซเบอร์ซิเคียวริตี้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ผู้นำด้านไอทีจะต้องเปลี่ยนระบบการเข้ารหัสทั้งหมดให้เป็นอัลกอริธึมแบบ PQC ที่สามารถป้องกันการถอดรหัสทั้งจากคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมและควอนตัม ล่าสุด The U.S. National Institute of Standards and Technology – NIST เปิดตัว Three Encryption Algorithms เพื่อต่อสู้กับการโจมตีไซเบอร์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการแวดวงไอที
- การปรับใช้ Tags และ Sensors แบบไร้สายในพื้นที่ทำงาน: ต้นทุนที่ถูกลงของอุปกรณ์ Tags และ Sensors แบบไร้สายจะทำให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีนี้มากขึ้น เพื่อใช้ติดตามสินค้าคงคลัง ตรวจสอบสถานะการขนส่งและดูแลอุปกรณ์/เครื่องจักร ในพื้นที่หรือกระบวนการที่องค์กรไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ในอดีต (นอกจากให้คนไปตรวจสอบด้วยตนเอง) ส่งผลให้ธุรกิจได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและกระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ลดการใช้พลังงานของเทคโนโลยีการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูล: องค์กรกำลังมุ่งไปสู่การใช้พลังงานสะอาดหรือบริการ Green Cloud แทนระบบอัลกอริทึมที่กินพลังงานสูง หรือให้ความสำคัญกับการลดใช้พลังงานใน Generative AI อย่างจริงจัง ด้วยการย้ายไปใช้บริการผู้ให้บริการคลาวด์ที่ใช้พลังงานสะอาด ปรับปรุงโค้ดหรืออัลกอริทึมให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างการจัดเก็บข้อมูลแบบ DNA
- เทรนด์การประมวลผลแบบไฮบริดกำลังมา: องค์กรต่าง ๆ จะใช้วิธีการประมวลผลแบบผสมผสานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในอนาคต โดยการบูรณาการและจัดการเทคโนโลยีการประมวลผลหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน ได้แก่ CPU, GPU, การประมวลผลแบบ Edge, การประมวลผลเชิงควอนตัม, การประมวลผลแบบ Optical Computing และการจัดเก็บข้อมูลแบบ DNA ซึ่งการประมวลผลแบบไฮบริดนี้จะช่วยปลดล็อคศักยภาพของ AI อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
- ยกระดับการใช้ Spatial Computing ในโลกความจริง: Spatial Computing จะนำความจริงทางกายภาพผสมผสานเข้ากับโลกดิจิทัล ทำให้มนุษย์สามารถปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ในพื้นที่ 3 มิติผ่านอุปกรณ์ เช่น Augmented Reality Headsets เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์และแอปพลิเคชันนี้จะถูกพัฒนาให้สนับสนุนกระบวนการที่ต้องตัดสินใจในทันที
- หุ่นยนต์เอนกประสงค์ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย: Polyfunctional Robots หรือหุ่นยนต์เอนกประสงค์ ที่สามารถทำงานหลายอย่างและมีแอปพลิชันที่ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเปลี่ยนบทบาทหน้าที่และทักษะผ่านการสอนแทนการเปลี่ยนโค้ดหรือโปรแกรมใหม่
- การเพิ่มขีดความสามารถระบบประสาทวิทยา: Neurological Enhancement ช่วยปรับปรุงขีดความสามารถทางปัญญาของมนุษย์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีอ่านและถอดรหัสกิจกรรมของสมอง ซึ่งปรากฎการณ์นี้จะนำไปสู่การปลดล็อคศักยภาพใน 3 ด้านหลักดังนี้ 1) การยกระดับทักษะของมนุษย์ 2) การการตลาดแบบใหม่ และ 3) การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งความสามารถทางปัญญาที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้แบรนด์สินค้ารู้ว่าผู้บริโภคคิดและรู้สึกอย่างไร และประสิทธิผลเพิ่มขึ้น
เห็นได้ชัดเจนว่าเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี AI ที่สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างแม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของกระแสนิยม แต่ก็พร้อมจะเข้ามาเขย่าและเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบและกระบวนการทำงานของธุรกิจ องค์กรที่ให้ความสำคัญและเตรียมพร้อมย่อมได้เปรียบ ในขณะที่องค์กรที่ปรับตัวช้าอาจสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันได้ คำถามสำคัญ คือ “องค์กรคุณพร้อมแค่ไหนกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น?”
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก gartner