fbpx
เรื่องราวของเรา 16 ธันวาคม 2021

ภารกิจท้าทายทีมหลังบ้าน
Make it happen ขับเคลื่อนองค์กร

เชื่อว่าทุกบริษัทไม่ได้มีแค่ทีมหน้าบ้านที่ให้บริการกับลูกค้า เพราะอีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือทีมหลังบ้าน (Back office) ที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนทีมหน้าบ้านให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ไปจนถึงสร้างรากฐานการเติบโตขององค์กรให้มั่นคง แต่ใครบางคนอาจมองว่างานหลังบ้านไม่ท้าทาย วันนี้เราจึงอยากนำเสนออีกมุมมองหนึ่งจาก นุ่น – ณัชวีย์ ธนัตถ์สุพัฒน์ Manager จากทีม Accounting & Administration ถึงความท้าทายของทีมหลังบ้านบริษัทคอนซัลต์ ผู้เปรียบเสมือนฟันเฟืองหลักในการดำเนินงานแต่ละวันของธุรกิจให้ราบรื่น ว่าจริง ๆ แล้วก็ท้าทาย และเติบโตในหน้าที่การงานได้ไม่แพ้งานหน้าบ้านเช่นกัน

รู้จักกับ นุ่น และหน้าที่ใน Bluebik

สวัสดีค่ะ นุ่นค่ะ ปัจจุบันเป็น Manager อยู่ที่ทีม Accounting & Administration ของ Bluebik Group PLC. ค่ะ โดยหลังจากเรียนจบที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้เริ่มต้นเข้ามาทำงานที่ Bluebik เป็นที่แรกเลย เรียกได้ว่าเป็น First jobber ซึ่งในขณะนั้นก็ได้รับตำแหน่งเป็น Admin ที่เคยช่วยดูแลซัปพอร์ตระบบหลังบ้านเกือบทั้งหมดตั้งแต่เอกสารสัญญาต่าง ๆ การดูแลเรื่องรับเงิน-จ่ายเงินกับคู่ค้า ไปจนถึงการเป็นเลขาฯ ให้กับผู้บริหาร ซึ่งในขณะนั้น Bluebik เองยังเล็กมาก มีพนักงานอยู่ประมาณ​ 20 กว่าคนได้ จึงมีงานหลากหลายที่เราสามารถช่วยเหลือได้

แต่ในปัจจุบัน Bluebik ก็เติบโตจนเข้าตลาดหุ้นเป็นที่เรียบร้อย และมีพนักงานกว่า 160 คน จึงให้มีทีมที่มาดูแลรับผิดชอบงานแต่ละส่วนมากขึ้น ซึ่งตำแหน่งปัจจุบันของนุ่นที่เป็น Manager ของทีมหลังบ้านมีหน้าที่ดูแลเรื่อง Finance เป็นหลัก รวมถึงดูแลรายละเอียดเกี่ยวกับการเงินระหว่างบริษัทและคู่ค้าค่ะ 

ทีมหลังบ้าน ใครว่ามีแต่งานเอกสาร

สำหรับนุ่น งานหลังบ้านที่ Bluebik ไม่เป็นแค่งานเอกสารเท่านั้น เพราะมีความรับผิดชอบหลายส่วนที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโต บางครั้งเราก็เป็นเหมือนคอนซัลต์ ที่จะต้องหาทางแก้ไขโจทย์ที่ทางผู้บริหารต้องการให้ได้ แรก ๆ ก็เริ่มต้นจากความไม่รู้ เราก็ต้องไปศึกษา ค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ เช่น รูปแบบเอกสาร การจดทะเบียนสัญญาต่าง ๆ ของบริษัทต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง จัดการค่าใช้จ่าย ความสัมพันธ์กับคู่ค้าต้องเป็นอย่างไร ซึ่งบางครั้งโจทย์ที่ได้รับมาก็เป็นโจทย์กว้างๆ ที่เราจะต้องหาทางแก้ไขให้ได้

สิ่งหนึ่งที่อยากจะแนะนำสำหรับน้อง ๆ หรือใครที่ต้องเจอกับงานที่ยาก หรือไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ขอให้ลงมือทำไปก่อน ต่อให้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะสุดท้ายเราจะค่อย ๆ เจอหนทางเอง หากเราไม่ลงมือทำ เราก็จะไม่มีวันได้รู้ ถึงแม้เกิดความผิดพลาดบ้าง แต่เราก็ผิดเพื่อที่จะได้รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ

2 สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานที่ Bluebik

จากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาที่ Bluebik ทำให้นุ่นได้รู้สึกเติบโต และก็คิดว่า 2 ข้อ ดังต่อไปนี้ จะเป็นสกิลสำคัญที่จะติดตัวกับเราต่อไปได้อีกนานในอนาคต

  1. Result orientation

    คือการทำงานแบบมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ ด้วยรูปแบบการทำงานของ Bluebik ที่ส่งเสริมการสร้างOwnership ให้แต่ละคน บวกกับความอิสระในการทำงาน จึงทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าบ้างครั้งผู้บริหารจะให้โจทย์กว้างๆ กับเรามา สิ่งที่เราต้องทำคือจัดการอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา ซึ่งนั้นนุ่นมองว่าเป็นข้อดี และผลักดันให้เรามีความรับผิดชอบ มุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จ และจะกลายเป็นความภาคภูมิใจของเรา
  2. People management

    งานของนุ่นต้องพูดคุยกับคนค่อนข้างมากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นทั้งทีมภายใน Bluebik เองหรือกับบริษัทภายนอกที่เป็นคู่ค้าหรือพาร์ตเนอร์ของเรา เพื่อจะจัดการเรื่องเอกสาร การจัดเตรียมเรื่องต่าง ๆ เบื้องต้นให้สำเร็จในการสนับสนุนทีมหน้าบ้านให้ทำงานได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตามที่เรารู้กันว่าการทำงานกับคน บางครั้งก็จะมีความยากบ้าง ง่ายบ้าง สิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้คือ Soft skills ในเรื่องของการสื่อสาร การโต้ตอบ การมีปฏิสัมพันธ์กับคนแต่ละแบบ ว่าควรทำอย่างไร เพื่อที่จะให้ได้ทั้งงานที่เราต้องการ และสามารถรักษาความสัมพันธ์ไปได้พร้อมกัน ซึ่งตรงนี้ Bluebik ก็เปิดโอกาสให้เราได้ลองทำงานในหลายรูปแบบ ช่วยซัปพอร์ตให้เมื่อยามที่ต้องการ จนทำให้เราเกิดการพัฒนาในที่สุด

3 สิ่งที่ประทับใจกับ 4 ปีที่ Bluebik

  1. “คน” และ “ความสัมพันธ์” ที่ Bluebik

    เรื่องแรกก็คงไม่ใช่เรื่องใหม่ ถ้าดูจากบทสัมภาษณ์จากคนอื่น ๆ จะเห็นเหมือนกันที่หลายคนจะประทับใจกับคนที่นี่และวัฒนธรรมองค์กร ที่ต่างฝ่ายต่างช่วยสนับสนุนซึ่งกันและกัน ด้วยความที่ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ และรับผิดชอบงานของตัวเอง ทำให้การทำงานที่นี่ง่ายขึ้นและไม่มีปัญหาเรื่องของคนมากนัก อีกทั้งเรื่องของความสัมพันธ์ในองค์กร หลายคนที่นี่ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้คุยกันแค่เรื่องของงาน แต่คุยเรื่องส่วนตัว ปัญหาชีวิต หรือไปเฮฮาปาร์ตี้ ทุกคนก็ไปด้วยกัน ทำให้เพื่อนที่ทำงาน Bluebik ก็กลายเป็นเพื่อนกันไปจริงๆ 
  1. ส่วนผสมของงานที่ลงตัว

    บางคนอาจจะบอกว่าในชีวิตการทำงาน จะมีจุดอิ่มตัวที่รู้สึกว่างานไม่น่าสนใจเหมือนเดิมหรือเป็นอะไรเดิม ๆ แต่สำหรับนุ่นที่ Bluebik ตอนนี้ มันทำให้เรารู้สึกว่าได้เรียนรู้ตลอดเวลา ยังไม่เบื่อเลย ถึงแม้ว่าเราจะเป็นทีมทำงานหลังบ้านแต่ก็มีงานที่ท้าทายมาให้ตื่นเต้นได้ตลอด แต่บางครั้งก็มีช่วงเวลาที่เราก็สามารถผ่อนคลายได้ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบตลอดเวลา เลยทำให้การทำงานที่นี่เป็นเหมือนสมดุลระหว่างงานที่ท้าทายกับการพักผ่อน ที่เราสามารถรักษาทั้งสองอย่างนี้ไปได้พร้อม ๆ กัน
  2. ความภูมิใจในการเติบโตไปพร้อมกับ Bluebik

    นุ่นเป็นคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสมาทำงานกับ Bluebik ตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงแรก ๆ ของการก่อตั้ง จึงทำให้เราได้เห็นภาพของ Bluebik ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงปัจจุบันที่บริษัทเติบโต สร้างความสำเร็จได้ระดับหนึ่ง จนกลายเป็นที่รู้จัก ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้ชื่อ “BBIK” มีการจัดตั้งบริษัทลูก รวมถึงมีพนักงานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเหมือนความภาคภูมิใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการเติบของบลูบิค และทั้งเราและบริษัทได้เติบโตไปพร้อมกัน

สุดท้ายก็อยากจะเชิญชวนทุกคนมาลองสัมผัสประสบการณ์ทำงานที่ Bluebik เพราะที่นี่มีโอกาสให้ทุกคน ไม่ว่าตำแหน่งไหนแผนกไหน ก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น

อยากให้ทุกคนมาทำงานที่ Bluebik เพราะที่นี่เปิดกว้างมาก ๆ กับทุกคน อย่างเราเองที่ ณ ตอนนั้นเป็นแค่เด็กจบใหม่ ทำอะไรไม่เป็น แต่ก็ยังได้รับความไว้ใจได้รับงานยาก ๆ มาทำ มันเลยเหมือนกับถ้าทุกคนพร้อม ที่นี่มีโอกาสให้ทุกคนได้โชว์ของออกมา ได้แสดงศักยภาพของตัวเอง และBluebik ไม่เคยหยุดโต ที่นี่ยังมีพื้นที่เปิดกว้างอีกมากที่ต้องการให้ทุกคนมาโชว์ของ และโตไปพร้อมกัน ๆ

ใครสนใจอยากเข้ามาร่วมงานกับ Bluebik และเติบโตไปพร้อมกับเรา สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bluebik.com/career หรือทักมาพูดคุยกันได้ที่ Facebook Bluebik Group