หลังจากทำงานในฐานะนักเขียน บรรณาธิการ และ Content Manager มากว่า 8 ปี ‘ก๋าย กันต์กนิษฐ์’ ตัดสินใจมองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้ตัวเอง
ด้วยทำงานอยู่ที่ Bluebik บริษัท End-to-end Digital Transformation & Solution Delivery ระดับโลก ก๋ายจึงได้แรงบันดาลใจในการกระโดดข้ามวงการมาสู่แวดวงเทคโนโลยีซึ่งดูน่าตื่นเต้นและท้าทาย มีอะไรใหม่ๆ ให้เรียนรู้และลงมือทำอยู่เสมอ
การทำงานที่ Bluebik จุดประกายความคิดอะไรให้กับก๋าย และเส้นทางการย้ายสายจากนักเขียนสู่ Business Analyst ต้องทำอย่างไรบ้าง ตามมาฟังประสบการณ์จากเธอกัน
ยิ่งได้คุย ยิ่งอยากลุยดูสักตั้ง
ในฐานะ Senior Content Writer ซึ่งดูแลคอนเทนต์เกี่ยวกับ People ก๋ายมีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในหลากหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น Cybersecurity Consultant, Data Consultant, System Analyst และอื่นๆ อีกมากมาย ก๋ายจึงใช้โอกาสนี้สำรวจอินไซต์ของแต่ละตำแหน่งงาน เพื่อดูว่าตัวเองน่าจะเหมาะกับอาชีพไหนมากที่สุด
“เราใช้หน้าที่การงานให้เป็นประโยชน์แบบคูณสองเลย คือเวลาได้สัมภาษณ์ชาว Bluebik เพื่อทำคอนเทนต์ นอกจากจะถามแทนคนอ่านแล้ว เราก็ถามให้ตัวเองด้วย เช่น ใน 1 วันต้องทำอะไรบ้าง ทักษะสำคัญที่ขาดไม่ได้คืออะไร ซึ่งทุกคนก็จะตอบจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง ทำให้เราได้เข้าใจตำแหน่งงานนั้นๆ แบบลงลึกจริงๆ”
โดยหลังจากพูดคุยกับคนหลายๆ ตำแหน่ง บวกกับทำการค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม ก๋ายก็ตกลงปลงใจให้กับอาชีพ Business Analyst
“เราเลือก Business Analyst ด้วยหลายเหตุผล หนึ่งคือ เรามองว่าตำแหน่งนี้ต้องใช้ Soft Skills เยอะ ซึ่งเป็น Transferrable Skills ที่เราสั่งสมมาจากอาชีพเดิมอยู่แล้ว สามารถเอามาปรับใช้กับอาชีพใหม่ได้ สองคือ ตลาดงานทั้งในไทยและต่างประเทศยังมีความต้องการ Business Analyst อยู่สูง เพราะเป็นสายงานที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลและมีความเข้าใจในเทคโนโลยี บริษัทในทุกๆ อุตสาหกรรมต่างต้องการตัวทั้งนั้น และข้อสามที่สำคัญมากๆ คือ ตำแหน่ง Business Analyst โดยเฉพาะ Business Analyst ที่ทำงานใน Tech Consultancy เป็นงานที่ท้าทาย ผลักดันให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาตัวเองในทุกวัน”
เพราะคลุกคลีกับคอนเทนต์สาย Tech จึงปรับตัวได้เร็ว
แม้จะมองว่าตัวเองมี Soft Skills ที่คนเป็น Business Analyst ต้องมี แต่สิ่งที่ก๋ายยังต้องเติมคือ Technical Skills ทั้งในแง่ของการวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้งานเทคโนโลยี
“เราจบอักษรฯ มา ทำงานสายคอนเทนต์มาตลอด ใกล้ชิดกับการวิเคราะห์ข้อมูลในบริบทขององค์กรธุรกิจมากที่สุดก็ตอนดูสถิติหลังบ้านเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย แต่ Business Analyst จำเป็นต้องรู้มากกว่านั้น”
นี่จึงเป็นสาเหตุที่อดีตนักเขียนตัดสินใจบินลัดฟ้าไปเรียนต่อ Master of Business Analytics ที่ Macquarie University ณ กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
“เทอมแรกทรมานมาก” ก๋ายเล่ากลั้วหัวเราะ “เราต้องปูพื้นฐานใหม่หมดทุกอย่าง เรียนวิชาสถิติ เรียน Python เรียน Data Science ซึ่งไม่ได้เรียนแค่ทฤษฎี แต่ต้องปฏิบัติให้เป็นด้วย คือต้องหัดเทรน Model เอง ต้องเข้าใจ Algorithm ต่างๆ”
แม้จะต้องปรับตัวเยอะ แต่ก๋ายมองว่าอย่างน้อยๆ ตัวเองก็มีพื้นฐานบางอย่างที่ได้จาก Bluebik
“แม้เนื้องานเราจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโดยตรง แต่การได้คลุกคลีกับคอนเทนต์สาย Tech อยู่เป็นประจำก็เป็นประโยชน์มาก อย่างน้อยๆ เราเคยได้ยินชื่อโปรแกรมนี้มาก่อน หรือเคยผ่านตาประเด็นนี้มาก่อน เหมือนเราเห็นภาพกว้างมาก่อนตอนทำงาน แล้วพอมาเรียนก็ได้เข้าใจรายละเอียดลึกลงไป”
ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย
แม้ตัวจะอยู่ออสเตรเลียแล้ว แต่ก๋ายยังคงทำงานเป็นส่วนหนึ่งของทีม Marketing ที่ Bluebik อยู่ เรียกว่าเป็นการใช้สิทธิ Work from Anywhere แบบข้ามทวีปเลยทีเดียว
“เรารู้สึกขอบคุณพี่ติ๊ด (พิมพ์วิสาข์ เทียนศรี, Chief Marketing Officer) มากๆ เพราะพี่ติ๊ดช่วยสนับสนุนเราให้ไปอัปสกิลตัวเองอย่างเต็มที่ ทั้งช่วยเขียน Recommendation Letter สำหรับสมัครเรียนให้ แล้วตอนที่เราคิดว่าจะลาออกเพื่อไปเรียนเต็มเวลา พี่ติ๊ดก็ช่วยตั้งคำถามดึงสติว่า แล้วตอนมาอยู่นี่จะต้องทำงานพาร์ตไทม์หรือเปล่า ช่วงแรกที่มาถึงจะลำบากไหม ถ้ายังทำงานควบคู่ไปด้วยจะดีกว่าไหม
“สุดท้ายเราก็เลยได้ทำงานแบบ Remote ซึ่งลงตัวกับไลฟ์สไตล์มากๆ เพราะเราสามารถจัดสรรเวลาในการเรียนและทำงานได้แบบยืดหยุ่น ไม่ต้องติดกรอบของสถานที่ ส่วนใหญ่นักเรียนคนอื่นมักจะต้องไปทำงานพาร์ตไทม์ตามคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายของ แต่เราสามารถทำงานที่บ้านหรือที่มหาวิทยาลัยได้เลย และทีมก็ช่วยสนับสนุนเราเป็นอย่างดี เช่น เวลานัดประชุมหรือสัมภาษณ์ก็ช่วยดูเวลาที่เหมาะสมให้เราไม่ดึกเกินไป หรือช่วงสัปดาห์สอบเราขอไปโฟกัสที่การเรียนก่อน ทีมก็ช่วยจัดไทม์ไลน์ส่งงานมาให้อย่างลงตัว”
อย่ามัวแต่คิด ลงมือทำเลย
สุดท้ายนี้ ก๋ายฝากถึงคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ และอาจกำลังคิดเรื่องการย้ายสายงาน หรือการเรียนต่อในประเทศที่ไม่คุ้นเคยว่า “อย่าคิดมาก ถ้าเห็นโอกาสก็ลองลุยเลย”
“เราเป็นคนคิดมากคนหนึ่ง แต่ประสบการณ์ช่วงที่ผ่านบอกเราว่า สิ่งที่อยู่ในหัวเราน่ากลัวกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงเสมอ ในหัวเราอาจเห็นภาพตัวเองล้มเหลว เรียนไม่รอด สอบไม่ผ่าน คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง แต่พอเราเลิกคิดมากแล้วลองลุยทำไปเลย เราถึงได้พบว่าจริงๆ แล้วเราก็เรียนได้นี่นา สอบก็ไม่ใช่แค่สอบผ่านนะ แต่สอบได้คะแนนดีด้วย ลองคุยกับคนอื่นก็รู้เรื่องนี่นา มีเพื่อนใหม่ๆ เพิ่มตั้งเยอะ เราเลยเชื่อในการลองลุย ลองทำไปเลย
“นอกเหนือจากนี้ เรามองว่าเราโชคดีที่มีคนรอบตัวช่วยสนับสนุนเยอะมากๆ ทั้งครอบครัว เพื่อน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ Bluebik ซึ่งเป็นเหมือน Launchpad ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ให้โอกาสเราได้เรียนรู้และลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยไม่ปิดกั้น หนุนหลังให้เราย้ายสายงานได้ตามที่ตั้งใจ”
