ในปัจจุบัน Digital Transformation กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจ หลายๆองค์กรจึงเร่งพัฒนาสร้างแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันต่างๆไว้ใช้งานเพื่อตอบโจทย์การทรานฟอร์มองค์กร แต่ด้วยปัญหาการขาดแคลนบุคลากรอย่าง Software Developer ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโต หรือการเขียนโค้ดและโปรแกรมแบบเดิมๆซึ่งมีข้อจำกัดทั้งด้านเวลาและทรัพยากรที่ต้องทุ่มลงไป ลองนึกภาพว่าการสร้างแอปพลิเคชั่นในแต่ละครั้งนั้นเต็มไปด้วยโค้ดที่ซับซ้อนและอาจกินเวลานานหลายๆเดือน การสร้างแอปฯจะยุ่งยากและลำบากขนาดไหน

ตอนนี้มีสิ่งอัศจรรย์ที่เรียกว่า No-Code Development Platform ได้กำเนิดขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมสามารถสร้างเว็บไซต์และซอฟต์แวร์ได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเลย ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสามารถพัฒนาโปรแกรมได้ด้วยตนเอง รวมถึง Low-Code Development Platform ที่เข้ามาช่วยให้ Software Developer เขียนโค้ดน้อยลง ทำให้ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถร่นระยะเวลา จากหลายเดือนอาจเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถได้แอปฯ มาใช้ทันที

No Code Development Platform คืออะไร?

มีคนจำนวนมากต้องการสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อทำธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่มีความรู้ในการเขียนโค้ด ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป เพราะ No Code Development Platform ทำให้ผู้ใช้งานไม่มีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม (Coding) สร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Graphical User Interface (GUI) ที่เป็นการคลิก เลื่อน หรือวาง ปุ่ม เทมเพลต หรือคำสั่งต่างๆ ที่เครื่องมือได้ออกแบบมาแทน เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายเหมาะสมกับทุกคน รวมถึง Developer ก็สามารถใช้ทุ่นแรงได้อีกด้วย

Low Code Development Platform คืออะไร?

Low Code Development Platform คือ แพลตฟอร์มสำหรับ Developer ที่ช่วยให้การออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์หรือซอฟต์แวร์ออกมาได้รวดเร็วที่สุด ด้วยการเขียนโค้ดให้น้อยที่สุด ซึ่งผู้ใช้ยังคงจำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม อยู่เพียงแต่จะสามารถประหยัดเวลาในการทำงานมากขึ้นและได้งานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีคุณลักษณะพื้นฐานดังนี้:

• ระบบ Visual IDE เพื่อให้นักพัฒนาสามารถกำหนด UI, Workflow และ Data Model ของ Application ได้ รวมถึงยังสามารถแทรกโค้ดที่พัฒนาขึ้นมาเองเข้าไปได้หากต้องการ
  
• เชื่อมต่อกับระบบหรือบริการเบื้องหลังได้หลากหลาย โดยจัดการกับ Data Structure, Storage และการรับส่งข้อมูลให้ทั้งหมด
  
• สามารถบริหารจัดการ Application Lifecycle ได้ โดยมีเครื่องมือในการ Build, Debug, Deploy และ Maintain ระบบได้โดยอัตโนมัติทั้งในขั้นตอนของการ Test, การขึ้น Staging และการขึ้น Production

เครื่องมือ No-Code / Low-Code
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่สามารถเลือกไปใช้งาน

• Chatbot: ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในเรื่องการตอบกลับการสนทนาแบบอัตโนมัติผ่าน Messaging Application ซึ่งปัจจุบันหลายธุรกิจสร้าง Chatbot ขึ้นมาเพื่อโต้ตอบกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ เช่น Landbot, Chatfuel, Mobilemonkey, Wotnot, Engati, Botsify
  
• Email เช่น บริการจาก Gmail, Outlook, Yahoo เป็นต้น ซึ่งบางเครื่องมือสามารถสร้าง Responsive Email ที่ทำให้ Email สวยงามและน่าดึงดูด เช่น Postcards, Bee, EDMdesigner, Stripo, Topol
  
• Voice Apps ซอฟต์แวร์สำหรับการโทรออกหรือสั่งการด้วยเสียงบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีความคล้ายกับ Alexa จาก Amazon หรือ Siri จาก Apple ได้แก่ Voiceflow, Vuix, Jovo, Govocal, Zesty
  
• Mobile Apps การพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้ใช้งานแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ตัวอย่างแอปพลิเคชัน เช่น Facebook, Slack, Google Chrome, Shopee, WIRTUAL เป็นต้น เครื่องมือได้แก่ Appery, Buildfire, Adalo, Appypie, Andromo
  
• Connectors ซอฟต์แวร์ที่รวบรวมการทำงานของแอปต่าง ๆ หรือดึงข้อมูล (Data) จากหลาย ๆ ที่มารวมกันไว้ในที่เดียว แล้วแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยอัตโนมัติออกมาในรูปแบบต่างๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานด้าน Marketing, E-Commerce หรือ Business ต่างๆ เครื่องมือ ได้แก่ Zapier, Parabola, Actiondesk, Automate, Microsoft Flow

แพลตฟอร์มสำหรับสร้างเว็บไซต์

• Frontend with E-Commerce เครื่องมือสำหรับสร้างเว็บไซต์ E-Commerce แต่เน้นไปที่การพัฒนาหน้าบ้าน (Frontend) เป็นหลัก ได้แก่ Shopify, WooCommerce, Magento, Weebly, Webflow
  
• Frontend from Cloud Spreadsheet การนำข้อมูลจาก Spreadsheet มาสร้างเป็นเว็บไซต์ จากที่มีหน้าตาเป็นแค่ตารางธรรมดาก็กลายเป็นเว็บไซต์ที่สวยงามน่าใช้ ได้แก่ Sheet2Site, GlideApps, Sheety, SpreadSimple, Sheet.Best
  
• Cloud Spreadsheet การใช้ฟีเจอร์หรือ Action ต่างๆเพิ่มเข้าไปใน Spreadsheet ทำให้มีการจัดเรียงข้อมูลหรือการคำนวณมีความพิเศษมากกว่า Spreadsheet ธรรมดา เครื่องมือได้แก่ Airtable, Ragic, Startinfinity, CloudCoach, Sheet.Best, SmartSheet
  
• Full-Stack Web Builders เครื่องมือที่เราสามารถสร้างเว็บไซต์ที่พัฒนาได้ทั้งหน้าบ้าน (Frontend) และหลังบ้าน (Backend) ซึ่งเรียกรวมกันเรียกว่า Full-Stack เครื่องมือได้แก่ Bubble, Anvil.works, Codepen, Codekitapp, SquareSpace
  
• General Visual Site Builders ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถจัดวางตกแต่งหน้าเว็บไซต์ทั่วไปให้ดูสวยงามและใช้งานง่าย เช่น Supernova, Bootstrap Studio, Tilda Publishing, Mason, Readymag
  
• WordPress ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่ใช้สร้างและจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ประเภท Content Management System (CMS) เช่น Beaverbuilder, Themify, Visual Composer, Elementor, Divi
  
• Landing Pages ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการสร้างเว็บไซต์ โดยเน้นไปที่หน้า Landing Pages เป็นหลัก เช่น Instapage, Carrd, Leadpages, Unbounce, Launchaco
  
• Portfolios ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้เราสร้าง Portfolio แบบออนไลน์ได้ โดยมีรูปแบบเทมเพลตต่าง ๆ ให้เลือกใช้ อย่างCarbonmade, Allyou, Dunked, Pixpa, Krop, Canva
  
• Forms ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสร้างแบบฟอร์ม ซึ่งให้มีหน้าต้าน่าใช้ ไม่น่าเบื่อ และสามารถส่งไปหาผู้อื่นได้ เช่นTypeform, SurveyMonkey, SurveyAnyplace, Arengu, Formstack
  
• Business Apps ซอฟต์แวร์เกี่ยวกับ Project Management, Workflow Management, Collaboration เช่นAppSheet, Appian, KissFlow, Pipefy, Kintone
  
• Scrapers ซอฟต์แวร์ที่ช่วยดึงข้อมูลจากเว็บเพจต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามที่เราต้องการ เครื่องมือ ได้แก่ ParseHub, Parsers, ScrapeStorm, Octoparse, Docparser
  
• Testing ซอฟต์แวร์ที่ช่วยประเมินเว็บไซต์ว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนบ้าง เช่น User Interface, ความช้าความเร็วในการโหลด หรือมีการตอบรับ (Responsive) ที่ดีไหม เพื่อที่สามารถแก้ไขได้ตรงจุด เช่น CrossBrowserTesting, Functionize, GhostingSpector, Testim, Scriptworks

ในขณะเดียวกันตลาดพัฒนาแอพแบบ Low-Code / No-Code เป็นตลาดที่เริ่มร้อนแรงในช่วงหลังจึงมีผู้เล่นเข้ามาทำตลาดมากมายไม่ว่าจะเป็น Mendix, Outsystem, ServiceNow, Salesforce, Microsoft Power Apps หรือ Appian

ขอบคุณข้อมูลขาก Growth Master / Tech talk thai / marionoioso.com