fbpx
เรื่องราวของเรา 12 พฤษภาคม 2022

รีวิวชีวิตประสบการณ์ฝึกงานที่ Bluebik

สวัสดีครับ ชื่อ Frank ครับ ก็เข้ามาฝึกงานกับทาง bluebik ตอนเรียนจบปี4ครับ เป็นพี่แก่สุดเลยคนเดียว ฮ่าๆ เราจบมาจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคอินเตอร์ครับ หรือที่รู้จักกันในชื่อ BBA Chulalongkorn แล้วก็จบจาก Accounting Major ครับ

🌟 ขั้นตอน/วิธีการสมัคร

รู้จัก bluebik จากเพื่อนและรุ่นน้องที่เคยมาลองฝึกงานก่อนหน้านี้ครับ แล้วก็ทาง bluebik ได้จัดเป็น info session แล้วผมสนใจ ก็เลยสมัครเข้าไปฟังดูครับ และก็ได้โอกาสในการสมัคร MCAP internship program ใน info session นั้นเลยครับ ส่วน process การคัดเลือกก็มีหลายขั้นตอนอยู่ครับ ตั้งแต่ รอบยื่น CV/Resume ถ้าผ่านก็จะได้ phone interview เบื้องต้นครับ ถ้าผ่านก็จะได้รับ Business Case Cracking Assignment ให้ทำครับ เป็นเหมือนการช่วยลูกค้าแก้ปัญหาอะไรบางอย่างเบื้องต้นครับ ทำในรูปแบบนำเสนอจริงเลยครับ ถ้าผ่านก็จะได้เข้าสู่รอบ interview จริงครับ ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ครับ ได้แก่ Resume Go-through, Case Interview และก็ Company Fit Interview ครับ พี่ๆ ที่สัมภาษณ์ก็ supportive ตลอดการสัมภาษณ์เลยครับ และก็จะมีความจริงจังในระดับนึงเลยครับ แล้วก็ถ้าผ่านรอบสัมภาษณ์สุดท้ายนี้ก็จะได้เข้ามา ฝึกงานกับทาง bluebik ครับผม

เหตุผลที่ตอนนั้นตัดสินใจเลือก bluebik ก็เพราะว่าเป็นบริษัทขนาดไม่ใหญ่ครับ การที่เราได้ทำงานบริษัทใหญ่เนี่ย ผมมองว่า โอกาสจับงานจริง ได้รับ ownership อาจจะน้อย แต่สำหรับ bluebik เนี่ย ผมสัมผัสได้ว่า ถ้าเข้ามา จะได้เข้าถึงโปรเจคลูกค้าจริงๆ และก็น่าจะได้เห็นงานเบื้องลึกครับ แล้วก็เรื่องของ company reputation ต่างๆ ที่มีการผสมผสานระหว่างด้าน business, technology และ digital transformation ทำให้ผมยิ่งสนใจ และอยากเข้ามาจอยเข้าไปอีกครับ

🌟 สิ่งที่ได้ทำในการฝึกงานนี้

ก็ระหว่างที่ฝึกงานจะได้ทำ 3 โปรเจคหลักๆ ครับ 2 โปรเจคแรกจะเป็นโปรเจคลูกค้าที่เราได้ทำงานใกล้ชิดกับพี่ๆ ในทีมเลยครับ คุยงานกันเช้ากลางวันเย็นและก่อนนอน 5555 ล้อเล่นครับ ก่อนนอนไม่มีคุยงานครับ ซึ่งการทำงานที่มีลูกค้าจริง มีพี่ๆ ทำไปด้วยกัน ทำให้เราได้รับ exposure ในการเป็น consultant จริงๆ เลยครับ ซึ่งพี่ๆ ในทีมค่อนข้างจะให้ ownership เราในการทำงานจริง ส่วนโปรเจคสุดท้าย เป็น internal project ครับ เป็นการทำ whitepaper ในเรื่องของ AI Transformation ในธุรกิจต่างๆ แบ่งกันทีมละ 1 industry ครับ ซึ่งจะได้ใช้ skill การ lead project, การตัดสินใจเองทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ, การ presentation งานให้พี่ๆ ในบริษัทฟัง และอื่นๆครับ ซึ่งได้ทั้งความรู้เบื้องลึกของ AI ในภาคธุรกิจมากขึ้น และได้พัฒนาทักษะการทำงานจริงด้วยตัวเองด้วยครับ

🌟 สิ่งที่ประทับใจ

พี่ๆ ที่นี่ทุกคนที่ได้รู้จักเลย และก็เพื่อ ๆ ครับ

🌟 Culture/ Environment ของทีม และบริษัท

Bluebik ไม่ได้เป็นแค่ที่ทำงานที่ให้ความรู้กับเรา แต่ bluebik เป็นอีกครอบครัวเล็กๆ อีกอันนึงของผมครับ ที่นี่เหมือนให้บ้านอีกหลังนึงกับผม ตั้งแต่ผมเข้ามาที่นี่วันแรกจนวันสุดท้าย พี่ๆทุ กคนทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่โดดเดี่ยว ทำให้รู้สึกว่าเรามี support จากพวกเค้าตลอด มีคำถามอะไร มีติดตรงไหน พี่ๆ ทุกคนพร้อมช่วยเราทุกเรื่องเลยครับ มากไปกว่านั้นคือ ที่นี่ทุกคนไม่ได้มาเจอกันแค่เรื่องงาน ไม่ได้มาทำงานแล้วจบไปครับ ที่นี่เน้นเรื่องการสร้าง culture ระหว่างทีม เน้นเรื่อง people ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดเลย วันไหนทำงานเหนื่อยๆ มา ได้คุยกะเพื่อนๆ พี่ๆ ตอนเลิกงานก็คือ ทำให้ความเหนื่อยเราหายไปเลยครับ

อย่างที่สองก็คือเรื่องของเนื้องาน สกิลการทำงาน consultant ต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ระหว่างการทำโปรเจคทั้ง 3 อันครับ ซึ่งก็ได้เรียนรู้มากขึ้นเยอะ ตั้งแต่การตั้ง hypothesis, การวิเคราะห์ driver tree, การวางแผน approach ในการ tackle ปัญหาของลูกค้า และอีกมากมายที่อยากให้เข้ามาลองเองครับ พาร์ทนี้ไม่อยากเปิดเผยมาก ต้องลองเองครับ ถึงจะรู้ 555

อ่านบทสัมภาษณ์​ Management Consulting Accelerator Program (MCAP) #1
เพิ่มเติมได้ที่ https://bluebik.com/our-people/4113

🌟 สิ่งที่อยากฝาก/แนะนำสำหรับคนที่สนใจ

สำหรับผม อาจจะไม่ใช่ทุกคนนะครับ ผมว่านี่คือการตัดสินใจนึงที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตมหาลัยของผมเลย ที่นี่เป็นเหมือน playground ให้เราได้ลองอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ และมีผู้ปกครองที่คอยดูเราอยู่ห่างๆ ซึ่งก็คือพี่ๆ ในทีม คอย give direction, คอยสอนว่าเราควรทำอะไร เพราะอะไร ทำให้เราได้เติบโตเป็นคนที่มีประสบการณ์ มีความรู้มากขึ้นครับ

สำหรับ bluebik ผมอาจจะพูดไม่ได้ว่าเป็น ที่ๆ เหมาะกับทุกคน แต่ผมบอกได้เลยว่า ที่ bluebik เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานทางด้าน business ค่อนข้างดีในระดับนึง และมีใจพร้อมที่จะเรียนรู้ กระตือรือร้นในการขนขวายความรู้ เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ตลอด

อยากให้ทุกคนที่กำลังจะสมัครรู้ว่า เราเข้ามาที่นี่ต้องการอะไร อยากพัฒนาด้านไหน เพราะถ้าคุณมาแบบไม่ตั้งใจ มาแบบไม่ได้มีเป้าหมาย คุณก็อาจจะไม่ได้รับอะไรกลับไปจากที่นี่มากเท่าที่คุณต้องการ “ การที่เราจะได้อะไรกลับไปเนี่ย เราก็ต้องมอบและให้จากฝั่งของเราเองด้วยครับ” ในที่นี้ คือการให้ความตั้งใจ ความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่งานที่ได้รับมา ถึงจะได้เรียนรู้อะไรกลับไปครับ “The more you give, the more you get”

ขอบคุณบทสัมภาษณ์จากเพจ Intern Space