ฉากของภาพยนตร์ในตำนานเรื่อง Kill Bill ซึ่งผมเอามาดูใหม่ช่วงโควิดที่ตรึงตาตรึงใจมากที่สุด ก็คือฉากจบที่นางเอกสังหารบิล สุดยอดตัวร้ายด้วยฝ่ามือปลิดวิญญาณ (Five Point Palm Exploding Heart Technique) ที่เรียนมาจากปรมาจารย์ไผเม่ย (Pai Mei) เป็นการใช้นิ้วทั้งห้าจี้จุดสำคัญตามร่างกายต่างๆ ผู้ถูกฝ่ามือจะเดินได้ห้าก้าวและหัวใจจะระเบิดตายในก้าวที่ห้า เป็นวิทยายุทธ์ที่สุดยอดและตราตรึงในความทรงจำ จนถึงกับครึ้มอกครึ้มใจไปลองทำท่าเล่นๆดูอยู่หลังจากดูจบอยู่พักใหญ่ ระหว่างดูฝ่ามือตัวเองไปนั้นเลยมานึกต่อเล่นๆว่าอันที่จริงแล้ว มือของคนเรานั้นเป็นอาวุธที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด กำเข้าก็เป็นหมัด แบมือก็เห็นว่าแต่ละนิ้วบนมือก็ใช้งานได้แตกต่างกัน แถมเราก็มองเห็นรู้สึกถึงมือเราอยู่ตลอดเวลา ระหว่างลองเล่นฝ่ามือปลิดวิญญาณอยู่นั้นก็รู้สึกว่าแต่ละนิ้วถ้าคิดเป็นระบบ คิดถึงสิ่งที่ต้องเผชิญเชื่อมโยงกับการทำงาน การทำธุรกิจในช่วงวิกฤตโควิดนี้ก็อาจจะเป็นเครื่องเตือนใจที่ไม่เลวอยู่เหมือนกัน มองไปที่นิ้วโป้งก็พอจะทำให้นึกถึงหัวใจหลักของธุรกิจ ที่ไม่ว่าจะเจอปัญหารอบด้านยังไงก็ยังต้องหาทางพัฒนา ปรับปรุงสินค้าหรือบริการที่เราทำอยู่ให้ลูกค้ายกนิ้วชมให้ให้ได้ ยิ่งในช่วงที่อะไรเปลี่ยนแปลงเยอะมากขนาดนี้ เราอาจจะหลงลืมเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องนี้ไป เช่น ร้านอาหารไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร เสาหลักแรกที่ต้องมีเสมอคืออาหารต้องอร่อย พอมี Delivery ก็ต้องเปลี่ยนสูตรให้ผ่านไป 30 นาทีแล้วก็ยังอร่อยอยู่ งานบริการหลายอย่างที่ต้องปรับให้สะดวก ให้ทันให้ดีกว่าความคาดหวังของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ลูกค้าเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนความต้องการไปเยอะมาก การที่เคยยกนิ้วโป้งให้ในอดีตก็ไม่ได้หมายความเขาจะยกให้อีก ลองชี้นิ้วชี้โน่นนี่ดู ก็รู้สึกว่าน่าจะเอาไว้ชี้ให้ถูกที่ถูกทาง ไม่ใช่ชี้หาคนผิดในวันที่ทุกคนต้องการขวัญกำลังใจ แต่ควรชี้ไปข้างหน้า ชี้ให้ลูกน้องเห็นทางว่าจะเดินไปทางไหน แผนคืออะไร ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทุกคนจะได้มุ่งไปสู่ในทางเดียวกัน เป็นนิ้วที่ทำให้ตระหนักในหน้าที่ของผู้นำองค์กรของเราว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องนำทาง คิดใหม่ทำใหม่ […]